สาธารณรัฐชิลี

สาธารณรัฐชิลี

วันที่นำเข้าข้อมูล 30 พ.ย. 2554

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 49,412 view


สาธารณรัฐชิลี
Republic of Chile

ข้อมูลทั่วไป

ที่ตั้ง ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ ระหว่างแนวเทือกเขาแอนดีสกับมหาสมุทรแปซิฟิก ภูมิประเทศมีลักษณะยาวเลียบฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกในแนวตั้ง ทิศตะวันตกติดมหาสมุทรแปซิฟิก ทิศตะวันออกติดโบลิเวียและอาร์เจนตินา ทิศเหนือติดเปรูและโบลิเวีย และทิศใต้ติดขั้วโลกใต้

พื้นที่ 2,006,626 ตารางกิโลเมตร (นับรวมเกาะอีสเตอร์และเกาะอื่นๆ ในมหาสมุทร แปซิฟิกกับพื้นที่บริเวณแอนตาร์กติกอีก 1,250,000 ตารางกิโลเมตร) มีความยาวประมาณ 4,200 กิโลเมตร และอีก 8,000 กิโลเมตร ในส่วนของ แอนตาร์กติก มีความกว้างเฉลี่ยประมาณ 177 กิโลเมตร และมีช่วงกว้างที่สุด 362 กิโลเมตร

เมืองหลวง กรุงซันติอาโก (Santiago) ตั้งขึ้นโดยกัปตันเรือชาวสเปนชื่อ เปโดร เด วาลดิเวีย (Pedro de Valdivia) เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2084 ปัจจุบันกรุงซันติอาโก มีประชากรประมาณ 6 ล้านคน

ประชากร 16.9 ล้านคน (อาศัยอยู่ในเมืองหลวง 6.8 ล้านคน)

ภูมิอากาศ อบอุ่น ภาคเหนืออากาศแห้ง ภาคใต้อากาศชื้น ความชื้น โดยเฉลี่ย ประมาณร้อยละ 50 มี 4 ฤดู
- ฤดูร้อน ปลายธันวาคม – มีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 13-29 องศาเซลเซียส
- ฤดูใบไม้ร่วง ปลายมีนาคม – มิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ย 8-23 องศาเซลเซียส
- ฤดูหนาว ปลายมิถุนายน – กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ย 4-16 องศาเซลเซียส
- ฤดูใบไม้ผลิ ปลายกันยายน – ธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 8-22 องศาเซลเซียส

ภาษา ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ

ศาสนา นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกร้อยละ 70 นิกายอีวานเจลิกา ร้อยละ 15.1 นับถือศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 4.4 ไม่นับถือศาสนาใดๆ ร้อยละ 5.8 และนับถือศาสนาอื่นๆ ร้อยละ 4.3

หน่วยเงินตรา สกุลเปโซชิลี (Chilean Peso) อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 485เปโซ (ก.ค. 2555)

วันชาติ 18 กันยายน - วันประกาศเอกราชจากสเปน เมื่อปี 2353

เชื้อชาติ ร้อยละ 95 เป็นเชื้อชาติยูโรเปียน อาทิ สเปน เยอรมัน อังกฤษ อิตาเลียน นอกจากนั้น ส่วนใหญ่เป็นอาหรับและยูโกสลาเวีย

อัตราการรู้หนังสือ ร้อยละ 95.7 (2010)

เวลาต่างจากไทย ช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมงตั้งแต่วันอาทิตย์ที่สองของเดือนมีนาคม-วันเสาร์ที่สองของเดือนตุลาคม ช้ากว่าไทย 10 ชั่วโมงตั้งแต่วันอาทิตย์ที่สองของเดือนตุลาคม- วันเสาร์ที่สองของเดือนมีนาคม

สมาชิกองค์การระหว่างประเทศที่สำคัญ ANDEAN (ANDEAN Community) (สมาชิกสมทบ), APEC, FEALAC (Forum of East Asia-Latin America Cooperation), G-15, G-๗๗, IAEA (International Atomic Energy Agency), ILO, IMF, Interpol, ITU, MERCOSUR (Southern Common Market) (สมาชิกสมทบ), NAM (Non-Aligned Movement), OAS (Organization of American States), UN, UNCTAD, UNESCO, UNHCR, WHO, WTO

ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)257.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (%GDP)5.3

โครงสร้าง GDP
ภาคอุตสาหกรรม ร้อยละ 50.5
ภาคบริการ ร้อยละ 44.7
ภาคเกษตรกรรม ร้อยละ 4.8

อัตราเงินเฟ้อ เฉลี่ยร้อยละ 1.7 (2010)

ดุลการค้าต่างประเทศ 14.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

หนี้สินต่างประเทศ 84.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2010)

อัตราการว่างงาน ร้อยละ 8.7 (2010)

ทรัพยากรธรรมชาติ ทองแดง ไม้ เหล็ก อัญมณี

อุตสาหกรรม ทองแดง แร่ธาตุอื่นๆ อาหารแปรรูปประเภทปลา ผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องมือสื่อสาร ปูน สิ่งทอ

ผลิตผลทางการเกษตร ข้าวสาลี ข้าวโพด องุ่น ถั่ว มันสำปะหลัง ผลไม้ สัตว์ปีก ขนสัตว์ ปลา ไม้

สินค้าเข้า มูลค่าประมาณ 54.23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและโทรคมนาคม เครื่องจักรอุตสาหกรรม ยานพาหนะ ก๊าซธรรมชาติ (2010)

สินค้าออก มูลค่าประมาณ 64.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่ ทองแดง ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากปลา กระดาษ เคมีภัณฑ์ ไวน์ และผลิตภัณฑ์ไม้(2010)

ประเทศคู่ค้าสำคัญ

สินค้าเข้ามาจาก - สหรัฐอเมริกา จีน บราซิล อาร์เจนตินา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น
สินค้าออกไปสู่ - จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น บราซิล เกาหลีใต้ เนเธอแลนด์

ระบอบการปกครอง ประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ

ประมุขของรัฐและรัฐบาล นาย Sebastian PIÑERA Echenique (ตั้งแต่ มีนาคม 2553) และมีวาระ 4 ปี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นาย Alfredo MONERO Charme

ฝ่ายนิติบัญญัติ รัฐสภา (Congress) ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎร (Chamber of Deputies) มีสมาชิก 120 คน วาระ 4 ปี เลือกตั้งทุก 4 ปี และวุฒิสภา (Senate) มีสมาชิก 38 คน วาระ 8 ปีเลือกตั้งทุก 4 ปี โดยสลับเลือกตั้งระหว่างเขตภูมิภาคเลขคี่ กับเขตภูมิภาคเลขคู่ซึ่งรวมเขต Metropolitan (กรุงซันติอาโก)

ฝ่ายตุลาการ ประกอบด้วยศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี

รัฐธรรมนูญปัจจุบัน ฉบับปี 2523 (แก้ไขครั้งล่าสุดเมื่อปี 2548)

การเลือกตั้งครั้งล่าสุด 17 มกราคม 2553

การเลือกตั้งครั้งต่อไป ธันวาคม 2556

พรรคการเมืองสำคัญ
- พรรคร่วมรัฐบาล เรียกว่า Alianza por Chile มีแนวนโยบายขวากลาง (center-right) ประกอบด้วย
(1) พรรค National Renovation – RN
(2) พรรค Union Democratic Independence – UDI
- พรรคฝ่ายค้าน เรียกว่า Concertación เป็นการรวมกลุ่มของพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย 4 พรรค ประกอบด้วย
(1) Christian Democrat Party – PDC
(2) Radical Social Democrat – PRSD
(3) Socialist Party – PS
(4) Party For Democracy – PPD
โดยมีแนวนโยบายซ้ายกลาง (center-left) และเป็นกลุ่มที่บริหารประเทศมาตั้งแต่ปี 2533 จนถึงเดือน มี.ค. 2553

 

การเมืองการปกครอง

- ชิลีปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 ภูมิภาค ปกครองโดยผู้ว่าการภูมิภาค (Intendente) ซึ่งแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี แต่ละภูมิภาคประกอบด้วยจังหวัดต่างๆ รวมทั้งสิ้น 50 จังหวัดทั่วประเทศ ปกครองโดยผู้ว่าราชการจังหวัด (Governor) ซึ่งแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีเช่นกัน นอกจากนั้น แต่ละจังหวัดยังแบ่งออกเป็นอำเภอ (municipality) รวม 341 อำเภอ ปกครองโดยนายกเทศมนตรี (Alcalde) ซึ่งมาจากการเลือกตั้งทุกๆ 4 ปี

- ชิลีมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2552 แต่โดยที่การเลือกตั้งประธานาธิบดี ไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนเสียงข้างมากเกินร้อยละ 50 ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งรอบ 2 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2553 ซึ่งนาย Sebastián Piñera Echenique ผู้นำพรรค Renovación Nacional (RN) เป็นนักธุรกิจชั้นนำเจ้าของกิจการโทรทัศน์ TVN สโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงของชิลี (Colo Colo) และหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบิน LAN Chile ซึ่งเป็นสายการบินที่ประสบความสำเร็จมากในลาตินอเมริกา ทำให้นาย Piñera เป็นผู้นำพรรคการเมืองฝ่ายขวาคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีชิลีในรอบ 20 ปี ซึ่งตลอดการหาเสียงเลือกตั้งได้ชูนโยบายและภาพลักษณ์การเปลี่ยนแปลง (Change) จากการปกครองของพรรคผสม Concertación ของฝ่ายซ้ายกลางที่ได้ปกครองชิลีติดต่อกันภายหลังรัฐบาลทหารของนายพล Pinochet หมดอำนาจลง


นโยบายของรัฐบาลชิลี
นโยบายการเมือง
- แนวนโยบายขวากลาง center-right ให้ความสำคัญกับการค้าเสรี สนับสนุนการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ มุ่งแก้ปัญหาความยากจนและการว่างงาน ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน สร้างความเท่าเทียมกัน กระจายโอกาสทางการศึกษา และการลดปัญหาอาชญากรรม

นโยบายเศรษฐกิจและสังคม

- ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบเปิดเสรี (liberal economy policy) โดยการจัดทำความตกลงการค้าเสรีเป็นหัวใจในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศของชิลี (ปัจจุบันชิลีมีอัตราภาษีศุลกากรต่ำที่สุดในลาตินอเมริกา ประมาณร้อยละ 6

- ชิลีเป็นประเทศที่มีการจัดทำ FTA มากที่สุดประเทศหนึ่งในลาตินอเมริกา โดยได้ลงนาม FTA แล้ว 24 ฉบับ กับ 58 ประเทศและกลุ่มประเทศ อาทิ สหรัฐฯ แคนาดา เม็กซิโก อเมริกากลาง สหภาพยุโรป EFTA เกาหลีใต้ (เป็นประเทศเอเชียประเทศแรกที่ชิลีทำ FTA ด้วย) จีน (ชิลีเป็นประเทศแรกในลาตินอเมริกาที่จีนทำ FTA ด้วย) และญี่ปุ่น และได้จัดทำความตกลง P4 กับสิงคโปร์ นิวซีแลนด์ และบรูไน และ Preferential Trade Agreement เพื่อปูทางไปสู่การจัดทำ FTA กับอินเดีย นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างเจรจาจัดทำ FTA กับออสเตรเลีย ตุรกี และอินโดนีเซีย และกำลังจะบรรลุการเจรจากับมาเลเซีย รวมถึงได้เริ่มเจรจา FTA กับประเทศไทยแล้ว

นโยบายต่างประเทศ

- ชิลีมีการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่คล้ายคลึงและใกล้ชิดกับประเทศตะวันตก และแตกต่าง จากกลุ่มประเทศในลาตินอเมริกาหลายประเทศที่มีรัฐบาลซึ่งมาจากพรรคฝ่ายซ้าย โดยมีบทบาทแข็งขันในประเด็นด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น รวมทั้งยังมีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศโดยเฉพาะใน UN
- ให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่าจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลก ชิลีเข้าร่วมในกิจกรรมของเอเปคตั้งแต่ปี 2536 (ค.ศ. 1993) และเป็นสมาชิกสมบูรณ์ในปี 2537 (ค.ศ. 1994) โดยชิลีเป็นหนึ่งใน 3 ประเทศในลาตินอเมริกานอกเหนือจากเปรูและเม็กซิโก ที่เป็นสมาชิกเอเปค
- นับตั้งแต่ชิลีเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค 2004 รัฐบาลชิลีได้หันมาให้ความสนใจอย่างจริงจังกับภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนและญี่ปุ่น โดยเริ่มสนใจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ในการนี้ รัฐบาลชิลีดำเนินนโยบายเสริมสร้างบทบาทของชิลีในภูมิภาคเอเชียให้ชัดเจนโดดเด่นยิ่งขึ้น และประสงค์จะส่งเสริมให้ชิลีเป็น platform ทางด้านการค้าการลงทุนของภูมิภาคลาตินอเมริกา และเป็นประตูเชื่อมระหว่างภูมิภาคเอเชียกับลาตินอเมริกา อนึ่ง ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงการคลังชิลีกำลังจัดทำ Plan Asia เพื่อกระตุ้นการค้าและการลงทุนระหว่างชิลีกับประเทศในเอเชีย



บทบาทในเวทีระหว่างประเทศ

- ชิลีเป็นสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ระหว่างปี 2546-2547 และได้คัดค้านการใช้กำลังทางทหารและการบุกรุกอิรักของสหรัฐฯ มาโดยตลอด ซึ่งทำให้ชิลีได้รับแรงกดดันและการตอบโต้จากสหรัฐฯ และทำให้การลงนามความตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ - ชิลีต้องล่าช้ากว่ากำหนด นอกจากนี้ ชิลีเห็นว่า ควรจะมีข้อมติใหม่เพื่อให้สหประชาชาติเป็นองค์กรหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพในอิรัก ทั้งนี้ ชิลียังไม่ได้ร่วมให้ความช่วยเหลือใดๆ ในการฟื้นฟูอิรักหลังสงคราม

- ชิลีให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือในลาตินอเมริกาทั้งในระดับทวิภาคี พหุภาคี และการรวมกลุ่ม การกำหนดมาตรการเพื่อเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค รวมทั้งการผลักดันให้องค์กรระดับภูมิภาคของลาตินอเมริกามีความแข็งแรง อาทิ องค์การรัฐอเมริกัน (Organization of American States, OAS) โดยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2548 นายโฆเซ่ มิเกล อินซูลซา (Mr.José Miguel Insulza) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของชิลี ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ OAS และยังคงดำรงตำแหน่งอยู่จนปัจจุบัน

- ชิลีส่งเสริมความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคอื่นๆ อาทิ ร่วมกับ
สิงคโปร์เป็นแกนนำในการจัดตั้งเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา (Forum for East Asia – Latin America Cooperation: FEALAC) เมื่อปี 2542 โดยมีวัตถุประสงค์เป็นเวทีหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้านระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา

- นอกจากนี้ ชิลียังชิลีได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (Economic and Social Council – ECOSOC) วาระปี 2553 - 2555 ได้รับเลือกตั้งซ้ำให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (UNHRC) วาระปี 2554 - 2557 และได้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council – UNSC) วาระปี 2557 - 2558

 

 

เศรษฐกิจการค้า

 


- ชิลีเป็นประเทศที่มีพลวัตรและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองสูงที่สุดในลาตินอเมริกา สังเกตได้จากผลการจัดอันดับของสถาบันต่างๆ อาทิ
------ การจัดอันดับประเทศที่มีเสถียรภาพและมีความน่าเชื่อถือสำหรับการลงทุน ของ Standard & Poors ประจำปี 2554 ชิลีจัดเป็นประเทศประเภท A+
------ สถาบัน Economic Intelligence Unit (EIU) จัดให้ชิลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงสำหรับลงทุนต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในปี 2554
------ หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้จัดอันดับให้ชิลีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเสรีมากที่สึดเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ในปี 2554
------- จากการจัดอันดับของ Transparency International ชิลีอยู่ในดันดับที่ 21 ของประเทศที่มีความโปร่งใสมากที่สุดในโลกในปี 2553

 

 

 

 

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐชิลี

ความสัมพันธ์ด้านการเมือง
ไทยและชิลีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2505 และจะครบรอบ 50 ปี ในปี 2555 โดยชิลีเปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2524 และไทยเปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก เมื่อเดือนเมษายน 2537 โดยเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงซันติอาโกปัจจุบัน คือ นายสุรพล เพชรวรา ส่วนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทย คนล่าสุด คือ นายฮาเวียร์ เบกเกอร์ มาร์แชล (Mr. Javier Becker Marshall) เข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2554

ไทยและชิลีมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด และพัฒนาความสัมพันธ์มากขึ้นตามลำดับ ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า สังคม และความร่วมมือทางวิชาการ ทั้งนี้ รัฐบาลได้พยายามหาแนวทางส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อขยายความสัมพันธ์กับชิลีทั้งในระดับรัฐบาล เอกชน และประชาชนทั่วไป นอกจากนั้นในกรอบพหุภาคี ไทยและชิลียังมีความร่วมมือกันในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสหประชาชาติ เอเปค และเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา (Forum for East Asia – Latin America Cooperation, FEALAC)

มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงหลายครั้ง ระดับพระราชวงศ์ของไทย หัวหน้ารัฐบาล และรัฐมนตรี มีกรอบการหารือทวิภาคีที่สำคัญ ได้แก่ Political Consultations ในระดับ ปลัด กต. หารือแล้ว 3 ครั้ง โดยไทยเป็นเจ้าภาพที่กรุงเทพฯ ในปี 2542 และ 2552 และชิลีเป็นเจ้าภาพที่กรุงซันติอาโกเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 และการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมด้านการค้า (Joint Trade Commission) ประชุมแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งครั้งที่ 4 จัดขึ้นที่ชิลีโดยอธิบดีกรมเจรจาการค้าฯ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย เมื่อปี 2551

นายวัชระ พรรณเชษฐ์ ผู้แทนการค้าไทย พร้อมด้วยผช.รมว.กต. ได้นำคณะ
นักธุรกิจไทยเยือนชิลีในโครงการ Roadshow ระหว่างวันที่ 3 – 5 ตุลาคม 2552 โดยฝ่ายชิลีได้ยืนยันความพร้อมและสนใจที่จะจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย – ชิลีในโอกาสแรก อนึ่ง นักธุรกิจไทยที่ร่วมไปในคณะได้สัญญาทำซื้อขายกับภาคเอกชนชิลีในสินค้าอาหารทะเลแช่แข็ง และชิ้นส่วนอะไหล่ เครื่องจักรและชิ้นส่วนยานยนต์ โดยเฉพาะยางและเหล็กหล่อรถแทรกเตอร์ นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งสภาธุรกิจไทย – ลาตินอเมริกาอีกด้วย

การค้าและความร่วมมือระหว่างไทยชิลี
- ชิลีเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญเป็นอันดับ ๔ ของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยในปี ๒๕๕๓ การค้ารวมระหว่างไทยและชิลีมีมูลค่าทั้งสิ้น ๘๑๘.๙๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๒ (๒๙๙.๔๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ร้อยละ ๑๗๓.๔๕ สืบเนื่องจากการฟื้นตัวของวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยไทยส่งออกไปชิลีเป็นมูลค่า ๕๑๔.๑๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๖๗.๔๗ และนำเข้าจากชิลีเป็นมูลค่า ๓๐๔.๗๖ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๙๑ ส่งผลให้ไทยได้ดุลการค้าเป็นมูลค่า ๒๐๙.๔๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ รถกระบะ (ชิลีนำเข้าจากไทยมากที่สุด) ปูนซีเมนต์ อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องซักผ้า เครื่องซักแห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้กระป๋อง เม็ดพลาสติก ลิฟต์ รถสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

สินค้านำเข้าที่สำคัญจากชิลี ได้แก่ สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งเยื่อกระดาษและเศษกระดาษ เคมีภัณฑ์ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ ไม้ซุง ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช

ไทยกับชิลีได้เริ่มกรอบความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกันในสาขาการเกษตร การเคหะ และพลังงานทดแทน ในรูปแบบต่างๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ/ทุนฝึกอบรม/ดูงาน นอกจากนี้ ไทยยังยินดีที่จะร่วมมือกับชิลี ในลักษณะหุ้นส่วน เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศอื่นๆ ในลาตินอเมริกาที่มีระดับการพัฒนาน้อยกว่า

ขณะนี้ ไทยสนใจที่จะริเริ่มความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับชิลีในด้านต่างๆ เพิ่มเติมโดยเฉพาะในด้านดาราศาสตร์ ซึ่งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติได้เริ่มจะดำเนินโครงการร่วมกับชิลีในการจัดตั้งกล้องโทรทรรศน์เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.6 เมตร เพื่อทำวิจัยเกี่ยวกับการระเบิดของรังสีแกมมา โดยจะเริ่มสร้างในประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และความร่วมมือในการสนับสนุนงานวิจัยและการเรียนการสอนดาราศาสตร์ทางไกลระหว่างประเทศ โดยมีระบบควบคุมจากประเทศไทย

ข้อมูลสรุปการค้าระหว่างประเทศของไทย กับ ชิลี (มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

ไทย-ชิลี 2549 2550 2551 2552 2553
มูลค่าการค้า 494.08 611.88 539.52 299.49 818.94
การส่งออก 262.94 343.30 328.02 139.92 514.17
การนำเข้า 231.15 268.58 211.50 159.57 304.76
ดุลการค้า 31.79 74.72 116.51 -19.64 209.41

ที่มา ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร

การเจรจาความตกลงการค้าเสรี

คณะรัฐมนตรีและรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบต่อกรอบการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย - ชิลีเมื่อเดือนพฤษภาคม และกันยายน ๒๕๕๓ ตามลำดับ และเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๒ ที่เมือง โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ไทยและชิลีได้ประกาศเริ่มต้นการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างกันแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินการเจรจาระหว่างกัน โดยคาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2555
------------
ปรับปรุงล่าสุด พฤศจิกายน 2554

กองลาตินอเมริกา กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ โทร. 02 6435000 ต่อ 13044 หรือ 0-2643-5114 Fax. 0-2643-5115

 

 

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ

เอกสารประกอบ

world-country-62-document.doc