สรุปการแถลงข่าว
เกี่ยวกับการพบหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับผู้แทนภาคเอกชนไทยในกัมพูชา
โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 10 ตุลาคม 2568 เวลา 15.30 น.
ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK/Youtube LIVE กระทรวงการต่างประเทศ
- การพบหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับผู้แทนภาคเอกชนไทยในกัมพูชามีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคของภาคเอกชนไทยในกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้กำหนดนโยบายเพื่อหาทางแก้ไข เยียวยา ลดผลกระทบ และเสริมสร้างขีดความสามารถให้แก่ภาคเอกชนไทยในกัมพูชา
- มีผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมประมาณ 90 คน ทั้งผู้แทนจากภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) รวมถึงธนาคาร EXIM Bank และผู้แทนภาคเอกชนจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคการเงินและการธนาคาร การเกษตรและปศุสัตว์ พลังงาน การก่อสร้าง การค้าปลีกค้าส่ง สายการบิน ภาคบริการ/บันเทิง/ท่องเที่ยว/โรงพยาบาล โลจิสติกส์ ตลอดจนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจไทย - กัมพูชา สมาคมธุรกิจไทยในกัมพูชา และหอการค้าประจำจังหวัดที่เกี่ยวข้อง 7 จังหวัดชายแดน
- เป็นการหารือที่ครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดจึงเป็นโอกาสสำคัญที่รัฐมนตรีฯ ได้รับฟังและเห็นภาพที่เกิดขึ้นจริงกับภาคเอกชนไทยด้วยตนเอง
ข้อมูลความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจไทย - กัมพูชา
- ด้านการค้า ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของกัมพูชา โดยเมื่อปี 2567 มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทั้งสองประเทศได้ตั้งเป้าให้เพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570 โดยการค้าชายแดนมีอัตราส่วนร้อยละ 50 ของมูลค่าการค้ารวม อย่างไรก็ดี มูลค่าการค้าในปัจจุบันลดลงอย่างมาก โดยเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 มีมูลค่าการค้าอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ขณะที่สินค้าไทยหลายรายการ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและธุรกิจบันเทิงที่เคยเข้าถึงชีวิตประจำวันของชาวกัมพูชา ได้ทยอยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในกัมพูชา
- ด้านการลงทุน ไทยเป็นผู้ลงทุนอันดับที่ 9 ของกัมพูชา โดยเมื่อปี 2567 มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ด้านการท่องเที่ยว เมื่อปี 2567 นักท่องเที่ยวกัมพูชาเดินทางมาประเทศไทยประมาณ 550,000 คน ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปกัมพูชาประมาณ 2 ล้านคน ถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับ 1 ของกัมพูชา
สาระสำคัญจากการประชุม
- ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในส่วนเกี่ยวข้องกับผลกระทบด้านการค้า การส่งออก และธุรกิจอื่น ๆ รวมทั้งแนวทางการปรับตัวของภาคธุรกิจไทยในกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวขอบคุณภาคเอกชนไทยในกัมพูชาที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ
- แต่ด้วยสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาได้มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในมิติอื่น ๆ โดยเฉพาะมิติเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระดับประชาชน การค้าชายแดนจึงชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่มาตรการต่าง ๆ ของฝ่ายกัมพูชา เช่น การห้ามนำเข้าน้ำมัน ห้ามนำเข้าผักและผลไม้จากไทย รวมถึงห้ามฉายหนังและละครไทย ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจหลายกลุ่ม ขณะที่กระแสต่อต้านสินค้าไทยในกัมพูชาที่รุนแรงขึ้นอันเนื่องมาจากการสนับสนุนของผู้บริหารระดับสูงของกัมพูชา ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าไทยในกัมพูชา
- ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงสิ่งที่รัฐบาลไทยไม่ประสงค์ให้เกิดขึ้น คือ การขยายตัวของปัญหาความขัดแย้งที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงภาคธุรกิจของทั้งสองฝ่าย
- ประเทศไทยย้ำมาโดยตลอดว่า ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระหว่างรัฐ ไม่ควรทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน ซึ่งการดำเนินการของฝ่ายไทยที่ผ่านมาเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด มิได้มีเป้าหมายโจมตีประชาชนแต่อย่างใด แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงดำเนินมาตรการต่าง ๆ โดยตั้งใจและจงใจให้ประชาชนได้รับผลกระทบไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
- รัฐมนตรีฯ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับฟังอุปสรรคและความท้าทายของภาคเอกชนไทย รวมทั้งประเด็นที่ภาคเอกชนต้องการรับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยผู้แทนหอการค้า 7 จังหวัดชายแดนได้แสดงความเห็นที่เป็นประโยชน์ด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งรัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะเหล่านี้ไปพิจารณากำหนดมาตรการสนับสนุนและเยียวยาภาคเอกชนที่เหมาะสมต่อไป
- กระทรวงฯ จะนำผลการชุมเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ หรือคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและรองนายกรัฐมนตรีเป็นรองประธาน
การดำเนินการขั้นต่อไป
- สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพของหน่วยงานไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด “ทีมไทยแลนด์” เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรอบด้านและยั่งยืน โดยกระทรวงการต่างประเทศจะประสานและหารืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมหาทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
- การดำเนินการแก้ไขปัญหาสำหรับภาคเอกชนไทยนี้สอดคล้องกับนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกของกระทรวงฯ ที่มุ่งขับเคลื่อนเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ภาคธุรกิจไทย ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการขยายตลาดใหม่ไปยังภูมิภาคที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs และ Startups สามารถปรับตัวท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และให้เท่าทันต่อมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศที่อาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจได้
- ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับกัมพูชาโดยสันติ ไทยได้เลือกเดินบนเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ และหวังว่า กัมพูชาจะร่วมเดินบนเส้นทางนี้กับไทย เพื่อความสงบสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศ
สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/1Af7T3PAk8/?mibextid=wwXIfr