สรุปการแถลงข่าว พัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา 15.30 น.

สรุปการแถลงข่าว พัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา 15.30 น.

วันที่นำเข้าข้อมูล 14 พ.ย. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 14 พ.ย. 2568

| 18 view

สรุปการแถลงข่าว พัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา 15.30 น.

ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ

 

กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา 4 หัวข้อ ดังนี้

 

  1. การบรรยายสรุปแก่คณะผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย
  • เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 กองบัญชาการกองทัพไทยจัดการบรรยายสรุปให้แก่คณะผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยเพื่อชี้แจงพัฒนาการล่าสุดและข้อเท็จจริงของสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา สรุปเหตุการณ์ที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดใหม่ที่ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาลอบวางในเขตแดนไทย ซึ่งมีหลักฐานสำคัญแสดงให้เห็นว่า กัมพูชาละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ที่กัมพูชาเป็นรัฐภาคี รวมถึงชี้แจงเหตุการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พร้อมช่วงเวลาของการเกิดเหตุและการออกข่าวบิดเบือนโดยฝ่ายกัมพูชา

  • ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มใช้อาวุธยิงเข้ามายังฝั่งไทยก่อน ส่งผลให้ฝ่ายไทยต้องหลบเข้าที่กำบังและยิงแจ้งเตือน เพื่อปกป้องอธิปไตยและป้องกันตนเอง ซึ่งเป็นไปตามกฎการใช้กำลังและหลักกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงตั้งคำถามต่อฝ่ายกัมพูชาที่กล่าวหาว่าการตอบโต้ของฝ่ายไทยส่งผลให้มีพลเรือนกัมพูชาบาดเจ็บ

  • รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูลในที่ประชุมถึงการดำเนินการของไทยในกรอบอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงกรณีการรายงานข่าวผิดพลาดของสำนักข่าวต่างประเทศรายหนึ่งในวันนี้

 

  1. การลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดสระแก้วของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน
  • เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 กองบัญชาการกองทัพไทยได้จัดให้คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ และบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว

  • คณะ AOT รับฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ สังเกตการณ์ ณ จุดที่ทหารไทยประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน ตรวจดูชิ้นส่วนของทุ่นระเบิดที่ระเบิดแล้วและทุ่นระเบิดใหม่จำนวน 3 ทุ่นที่ถูกวางใหม่ในบริเวณเดียวกัน ตรวจสอบบังเกอร์ของไทยที่ถูกฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว รวมถึงพบหารือกับทีมพิสูจน์หลักฐานและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว

 

  1. การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ
  • ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงฯ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงเดินหน้าชี้แจงประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและจุดยืนของไทยอย่างต่อเนื่อง

  • ฝ่ายไทยไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่เคารพและปฏิบัติตาม Joint Declaration เนื่องจากประเด็นในเอกสารฉบับนี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยผลักดันอย่างแข็งขันมาโดยตลอด แต่กัมพูชาละเมิดอย่างชัดเจนด้วยการลอบวางทุ่นระเบิดใหม่และสร้างสถานการณ์ยั่วยุโดยใช้อาวุธยิงเข้ามาฝั่งไทยก่อน

  • ฝ่ายไทยเดินหน้าในเรื่องที่ให้ความสำคัญ คือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่อธิปไตยของไทย และการปราบปรามออนไลน์สแกม ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งในและนอกภูมิภาค โดยประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติและติดตามความเอาจริงเอาจังของฝ่ายกัมพูชาในการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติอย่างใกล้ชิด

  • นอกจากนี้ กระทรวงฯ มีหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังกัมพูชา 2 ฉบับ และเวียนหนังสือชี้แจงไปยังคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย อีกทั้งมีหนังสือประท้วงต่อกัมพูชาไปยังญี่ปุ่น ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา และเวียนหนังสือดังกล่าวให้รัฐภาคีอนุสัญญาฯ ทราบ รวมถึงส่งหนังสือประท้วงไปยังเลขาธิการสหประชาชาติ ขณะที่นายกรัฐมนตรีมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในฐานะสักขีพยานการลงนาม Joint Declaration

  • เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 กระทรวงฯ เผยแพร่ข่าวสารนิเทศเรื่องกัมพูชาละเมิดซ้ำต่อการปฏิบัติตาม Joint Declaration ซึ่งย้ำความพยายามจัดฉาก สร้างสถานการณ์ และเผยแพร่ข้อมูลเท็จซ้ำของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชาที่จะบรรลุสันติภาพร่วมกัน

 

  1. การเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือน
  • ฝ่ายไทยพบการปล่อยข่าวปลอมหรือการบิดเบือนข้อมูลโดยไม่มีหลักฐานรองรับของฝ่ายกัมพูชา 3 กรณี ได้แก่

      (1) การกล่าวหาว่า ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายวางทุ่นระเบิดเองและเหยียบเอง ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า เป็นระเบิดชนิด PMN-2 ที่ฝ่ายไทยไม่มีในครอบครอง ซึ่งไม่มีทั้งหลักฐานและความเป็นไปได้ทางเหตุผล

      (2) การกล่าวอ้างว่า ฝ่ายไทยเปิดฉากยิงไปยังกัมพูชาก่อนบริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งในความเป็นจริง เป็นฝ่ายกัมพูชาที่เริ่มก่อน โดยมีหลักฐานรอยกระสุนที่บังเกอร์ของไทยและวิถีกระสุน รวมถึงความไม่สอดคล้องของรายงานทางสถิติเกี่ยวกับประชาชนกัมพูชาที่ได้รับบาดเจ็บจากหน่วยงานต่าง ๆ ของกัมพูชา

      (3) การนำภาพร่างชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ไปบิดเบือนว่า เป็นร่างของทหารกัมพูชาที่ถูกฝ่ายไทยควบคุมตัวไว้ ซึ่งในความเป็นจริง ฝ่ายไทยได้ให้ความช่วยเหลือส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับกัมพูชาตามคำขอของญาติตามหลักมนุษยธรรม

  • การเผยแพร่ข้อมูลเท็จเหล่านี้สะท้อนถึงความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชาและการขาดจรรยาบรรณของสื่ออย่างชัดเจน

  • กรณีที่มีสำนักข่าวมาเลเซียเผยแพร่ข่าวที่มีข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดที่ทำให้ทหารไทยต้องพิการ กระทรวงฯ ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของไทยอย่างใกล้ชิดและติดต่อสำนักข่าวต่างประเทศเพื่อแก้ไขในทันที และจะดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป รวมถึงได้หยิบยกกับกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้รับคำสัญญาว่าจะให้ความร่วมมือด้วยดี

  • ความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารมีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เนื้อหาสนับสนุนเรื่องเล่าที่ไม่เป็นความจริงและปราศจากการตรวจสอบจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

  • ขอความร่วมมือประชาชนบริโภคข้อมูลข่าวสารด้วยความระมัดระวังและมีวิจารณญาณ ก่อนที่จะส่งข่าวต่อ

  • หน่วยงานไทยทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อผลักดันผลประโยชน์ของชาติ ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย คุ้มครองความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทย และเสริมสร้างความเชื่อมั่นของไทยในประชาคมโลก

 

สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่  https://fb.watch/DmM2-PIKCK/?

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ