สรุปการแถลงข่าวระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 วันที่ 31 ตุลาคม 2568

สรุปการแถลงข่าวระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 วันที่ 31 ตุลาคม 2568

วันที่นำเข้าข้อมูล 31 ต.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 31 ต.ค. 2568

| 32 view

สรุปการแถลงข่าว
ระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 31 ตุลาคม 2568 เวลา 18.30 น.
ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี

 

1. การเข้าร่วม APEC Leaders Informal Dialogue with Guests

  • ช่วงเช้าวันที่ 31 ตุลาคม 2568 นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมแสดงความเห็นในเวที APEC Leaders Informal Dialogue with Guests โดยได้ย้ำความสำคัญของการส่งเสริมการค้า การลงทุน การใช้นวัตกรรม และการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อรักษาความยืดหยุ่นและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความผันผวนของโลก
  • รวมถึงได้แสดงความมุ่งมั่นของไทยในการเพิ่มพูนความร่วมมือกับหุ้นส่วน ทั้งในและนอก APEC เพื่อให้เกิดตลาดที่เสรีและมีความเชื่อมโยง โดยมีเป้าหมายเพื่อความเจริญทางเศรษฐกิจของภูมิภาคที่ยั่งยืน

2. การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC Dialogue with APEC Economic Leaders)

  • ในการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค หรือเวที ABAC Dialogue with APEC Economic Leaders นายกรัฐมนตรีได้ตอกย้ำเกี่ยวกับความท้าทายในมิติต่าง ๆ ที่โลกเผชิญร่วมกัน ทั้งด้านการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ซึ่งเป็นบททดสอบประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นของ APEC โดยเสนอให้ไทยและหุ้นส่วนต่าง ๆ ร่วมมือกันรับมือความท้าทายเหล่านี้อย่างแข็งขันและสร้างสรรค์ต่อไป
  • นายกรัฐมนตรียังได้นำเสนอแนวคิดที่ไทยให้ความสำคัญ คือ การเชื่อมโยงระดับภูมิภาค โดยไทยมีโครงการ Land Bridge ที่จะก่อให้เกิดการสร้างเส้นทางการค้าใหม่ สร้างโอกาสทางธุรกิจและการจ้างงาน และขับเคลื่อนการเติบโต
  • ฝ่ายไทยได้ชูนโยบาย “Quick Big Win” ที่มุ่งส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคตและในสาขาที่มีศักยภาพสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีชีวภาพ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ควบคู่กับการสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีและสตาร์ทอัพด้านความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายกรุงเทพฯ และแนวคิดสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ Environment, Social, and Governance (ESG) พร้อมแสดงความมุ่งมั่นของไทยที่จะเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ภายในปี 2573
  • ทั้งหมดนี้ ตอกย้ำให้ไทยเชื่อมั่นว่า ท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์ และระบอบพหุภาคีที่ถดถอย APEC จะยังคงสามารถรักษาการมีตลาดที่เปิดกว้าง ครอบคลุม และเป็นธรรม เพื่อสร้างภูมิภาคที่ยั่งยืน มั่นคง และสอดรับกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

3. การพบหารือทวิภาคีของนายกรัฐมนตรี

  • สำหรับกำหนดการคู่ขนาน นายกรัฐมนตรีมีการพบหารือทวิภาคีกับผู้นำ 2 ประเทศ ได้แก่ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
  • ในการหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความพร้อมที่จะยกระดับความร่วมมือ ทั้งด้านการค้าและการลงทุน ทรัพยากรมนุษย์ สาธารณสุข ความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และการพัฒนาที่ยั่งยืน อีกทั้งได้ขอบคุณฝ่ายบรูไนที่ส่งผู้แทนเข้าร่วมคณะผู้สังเกตการณ์สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา
  • สุดท้าย ในการหารือกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายกรัฐมนตรีได้ย้ำเรื่องการสานต่อความร่วมมือและเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยเฉพาะในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย - จีน ในปีนี้ ทั้งสองฝ่ายจะสานต่อความสัมพันธ์เพิ่มเติม ทั้งในด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และความสัมพันธ์ระดับประชาชน รวมถึงโครงการรถไฟไทย-จีน และการปราบปรามเครือข่ายออนไลน์สแกม อีกเรื่องคือการลงนาม ASEAN China FTA 3.0 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเนื่องจากมีสาระสำคัญเกี่ยวกับเศรษฐกิจอนาคต เศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจสีเขียว และที่สำคัญที่สุดคือ ไทยได้ขอบคุณฝ่ายจีนที่รักษาความเป็นกลางในสถานการณ์ความตึงเครียดไทย - กัมพูชา

  • ทั้งหมดนี้ เป็นการนำเสนอนโยบายทางเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์และมองไปข้างหน้า ทั้งในกรอบเอเปค และกับผู้แทนภาคเอกชนชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของไทยในฐานะหุ้นส่วนที่มีศักยภาพและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุนที่เสรีและอยู่บนหลักเกณฑ์สากล ที่จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ที่มั่นคง รวมทั้งส่งผลให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน