สรุปการแถลงข่าวการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 4 สิงหาคม 2568

สรุปการแถลงข่าวการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 4 สิงหาคม 2568

วันที่นำเข้าข้อมูล 5 ส.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 ส.ค. 2568

| 115 view

สรุปการแถลงข่าวการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ
เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 11.30 น.
ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ และทาง Facebook/TIKTOK LIVE กต.

  • การบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศเป็นกิจกรรมที่กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงการดำเนินการและท่าทีของไทยต่อสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงพัฒนาการสำคัญ ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่กัมพูชาเปิดฉากโจมตีวันแรกเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 และการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568
  • ผู้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปฯ ประกอบด้วยเอกอัครราชทูตหรือผู้แทนจาก 75 ประเทศ 1 องค์กร (สหภาพยุโรป) และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศจาก 16 องค์การ รวมจำนวน 122 คน
  • นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวย้ำถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการบรรยายสรุปในวันนี้ เพื่อชี้แจงให้ประชาคมโลกได้รับทราบความจริงเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา พร้อมทั้งชี้แจงท่าทีไทยเกี่ยวกับการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายาเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งนำมาสู่ข้อตกลงหยุดยิงและการปฏิบัติตาม โดยย้ำว่า ความตึงเครียดกับกัมพูชาไม่ใช่สิ่งที่ไทยต้องการ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่กัมพูชาได้เริ่มต้นความตึงเครียดนี้
  • นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ได้ให้ภาพรวมลำดับเหตุการณ์สถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์การปะทะกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 จนถึงปัจจุบันและต่อเนื่องไปถึงอนาคตที่จะมีการจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) และการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission: JBC) ในเร็ว ๆ นี้ รวมถึงได้ชี้แจงจุดยืน ท่าที และการดำเนินการของฝ่ายไทยในการลดความตึงเครียดและคลี่คลายสถานการณ์ฯ โดยสันติ
  • นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศต่าง ๆ และกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ ตลอดจนการดำเนินการชี้แจง การนำเสนอข้อเท็จจริง และการประท้วงของไทยต่อกรณีข้างต้นในเวทีพหุภาคีต่าง ๆ
  • ประเด็นสำคัญจากการบรรยายสรุปครั้งนี้ คือ
  1. ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศ ยึดมั่นในสันติภาพ กฎหมายระหว่างประเทศ หลักการสากลต่าง ๆ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับกัมพูชาในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ความมุ่งหวังดังกล่าวไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีจากกัมพูชา โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการยั่วยุฝ่ายไทยหลายครั้ง อีกทั้งเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีไทยก่อนและละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศหลายกรณี
  2. ฝ่ายไทยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่บ่งชี้ว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีไทยก่อนและโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ส่งผลให้สถานที่พลเรือน เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล และโรงเรียน ได้รับความเสียหาย อีกทั้งทำให้พลเรือน รวมถึงเด็กที่บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บ และชาวบ้านนับแสนต้องอพยพไปอยู่ในสถานที่พักพิงชั่วคราว ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คณะทูต ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร และสื่อมวลชนได้เห็นด้วยตนเองในการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568
  3. การตอบโต้ของไทยทุกครั้งเป็นการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองโดยชอบธรรม ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ การปฏิบัติการทางทหารของไทยผ่านการไตร่ตรองที่ดีแล้ว มีความได้สัดส่วน ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และมุ่งไปที่เป้าหมายทหารของกัมพูชาเท่านั้น จึงไม่ถือเป็นการรุกราน
  4. การโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาต่อพลเรือนและสถานที่สาธารณะ ถือเป็นการรุกรานอย่างชัดเจน และเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 1 และ 4 รวมถึงตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ เช่น อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ นอกจากนี้ การวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเมื่อไม่นานมานี้ของฝ่ายกัมพูชาถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด
  5. ไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาของกัมพูชาที่ไม่มีหลักฐานรองรับในทุกเวที และในทุกประเด็น อาทิ ข้อกล่าวหาว่ากองทัพไทยรุกรานและสร้างความเสียหายให้แก่ปราสาทพระวิหาร และข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการคุกคามแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ซึ่งไทยได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงไปยังองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO) และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) แล้ว
  6. ประเทศไทยชื่นชมบทบาทของมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่อำนวยความสะดวกให้การประชุมสมัยพิเศษเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา และขอขอบคุณสหรัฐฯ และจีนที่มีบทบาทสนับสนุนให้การหยุดยิงเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าผิดหวังที่ฝ่ายกัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้งในหลายพื้นที่ ซึ่งแสดงถึงการขาดความจริงใจของกัมพูชาอย่างชัดเจน ในการนี้ ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชาเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงฯ อย่างเคร่งครัด
  7. ฝ่ายไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยตั้งใจจะเข้าร่วมการประชุม GBC ระหว่างวันที่ 4 - 7 สิงหาคมนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ด้วยความจริงใจและสุจริตใจ เพื่อให้เกิดการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด รวมทั้งวางกลไกติดตามการปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว โดย GBC เป็นกลไกระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยหัวหน้าคณะฝ่ายไทย คือ พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สำหรับฝ่ายไทย ได้มีการจัดประชุมเตรียมการมาแล้ว 3 ครั้ง โดยคณะเลขานุการ GBC ฝ่ายไทยได้เดินทางไปมาเลเซียแล้วตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2568 และอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมฯ ของฝ่ายเลขาระหว่างวันที่ 4 - 6 สิงหาคม 2568 ก่อนที่จะมีการประชุม GBC สมัยพิเศษ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ทั้งนี้ มาเลเซีย สหรัฐฯ และจีน ได้รับเชิญให้เข้าร่วมสังเกตการณ์เฉพาะในการประชุม GBC สมัยพิเศษด้วย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามพัฒนาการการประชุม GBC ได้จากการแถลงข่าวและในเพจ Facebook ของศูนย์เฉพาะการบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.)
  8. กลไกทวิภาคีที่จะจัดขึ้นต่อไป คือ การประชุม JBC โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดในเดือนกันยายน 2568 และหวังว่า ฝ่ายกัมพูชาจะเข้าร่วมด้วยความจริงใจเพื่อร่วมกันหาทางออกในประเด็นเขตแดนที่ยังคั่งค้าง
  9. ฝ่ายไทยขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารซึ่งมีขึ้นรายวันจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติ ล่าสุด คือ ข้อกล่าวหาว่าไทยกำลังอพยพผู้คนออกจากจังหวัดสุรินทร์ เพื่อเตรียมการโจมตีกัมพูชาก่อนการประชุม GBC เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 3 สิงหาคม 2568 ซึ่งไม่เป็นความจริง การกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน และทำให้ความตึงเครียดขยายตัวไปสู่ระดับประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งบั่นทอนความพยายามในการทำให้ความสัมพันธ์กลับสู่สภาวะปกติ
  • การนำเสนอข้อมูลของฝ่ายไทย เน้นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์และบนหลักวิทยาศาสตร์ฝ่ายไทยยังเชื่อว่า การเจรจาเพื่อนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนต้องนำความจริงมาคุยกันบนพื้นฐานของความสุจริตใจ
  • สุดท้ายนี้ ท่ามกลางสงครามข่าวสารและการบิดเบือนข้อมูลอย่างแพร่หลาย ขอเรียกร้องให้ประชาชนไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน บริโภคข้อมูลข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณก่อนที่จะแชร์ต่อ และติดตามข่าวสารที่เชื่อถือได้จากหน่วยงานราชการ และขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลไทยจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ตลอดจนสิทธิและความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดมาโดยตลอด