สรุปการแถลงข่าว
ระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32
โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 30 ตุลาคม 2568 เวลา 19.00 น.
ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี
 
1. การเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (APEC Ministerial Meeting: AMM) ครั้งที่ 36 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- ช่วงเช้าวันที่ 30 ตุลาคม 2568 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค หรือ APEC Ministerial Meeting ครั้งที่ 36
- ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับบทบาทของนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม สำหรับประชาชนในภูมิภาค
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำถึงบทบาทของเอเปคท่ามกลางความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล หรือ digital transformation โดยเฉพาะภัยคุกคามจากการหลอกลวงออนไลน์ (online scams) โดยไทยได้ผลักดันให้เกิดการจัดตั้งเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการหลอกลวงออนไลน์ในกรอบเอเปค ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากข้อเสนอของไทยที่จะให้มีการจัดการประชุมระหว่างประเทศในเรื่องนี้ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งเป็นเรื่องที่สืบเนื่องและสอดคล้องกัน
- รัฐมนตรีฯ ยังได้เน้นย้ำให้เกิดความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงกรอบธรรมาภิบาลด้าน AI การสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ยั่งยืนและครอบคลุม ตลอดจนการขับเคลื่อนเป้าหมายกรุงเทพฯ (Bangkok Goals) ซึ่งเป็นผลการดำเนินการในห้วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเอเปคเมื่อ 2565 ด้วย
 
2. การเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค ประจำปี 2568 (APEC CEO Summit)
- นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค หรือ APEC CEO Summit โดยได้กล่าวปาฐกฐาพิเศษภายใต้หัวข้อ “Bridge. Beyond.” เน้นความสำคัญของความร่วมมือในภูมิภาคท่ามกลางความถดถอยของระบอบพหุภาคีในปัจจุบัน โดยไทยอยู่ระหว่างกระแสการเปลี่ยนผ่านในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างประชากร การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือการเข้าสู่สังคมดิจิทัล จึงมีนโยบาย Quick Big Wins เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอย่างครอบคลุมและยั่งยืน ซึ่งมี 3 ด้านสำคัญ ได้แก่
- ประการที่ 1 คือ การลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและลดภาระของครัวเรือน และเป็นการส่งเสริมให้เกิดความครอบคลุมด้านดิจิทัล หรือ digital inclusion
- ประการที่ 2 คือ การเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs รวมถึงการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน โดยจำเป็นต้องมีความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับโลกเพื่อรับมือกับปัญหาการหลอกลวงออนไลน์
- ประการสุดท้าย คือ การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตผ่านความเป็นหุ้นส่วนกับภาคเอกชนระดับโลก ซึ่งปัจจุบัน มีบริษัทชั้นนำของโลกเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก โดยไทยมีนโยบายที่จะพัฒนาศักยภาพของประเทศผ่านความร่วมมือเหล่านี้ควบคู่กับการเปลี่ยนผ่านสีเขียว หรือ green transformation ที่ยั่งยืนด้วย
 
 
3. การพบหารือกับ US-APEC Business Coalition
- นายกรัฐมนตรีได้พบหารือ US - APEC Business Coalition ซึ่งประกอบด้วยภาคธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ กว่า 19 บริษัท อาทิ Microsoft Deloitte Mastercard และ Google
- โดยได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับภาคธุรกิจสหรัฐฯ ที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีได้ย้ำนโยบายของรัฐบาลไทยในกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศระยะสั้น เพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในระยะยาว รวมถึงความพร้อมของไทยในการส่งสร้างความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ 
- นายกรัฐมนตรีได้ย้ำนโยบายด้านการลงทุนของไทย ที่มุ่งเน้นการสร้างecosystem ที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ เช่น การปรับปรุงกฎระเบียบ การพัฒนาทักษะแรงงาน การใช้นวัตกรรมเพื่อขับเคื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งมีโครงการนำร่องเพื่อพัฒนาบุคลากรและสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC Sandbox ด้วย
4. การพบหารือทวิภาคีของนายกรัฐมนตรี
4.1 การพบหารือกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี
- ในการหารือกับฝ่ายเกาหลีใต้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้ส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นสาขาที่สอดคล้องกับความต้องการของไทย
- ทั้งสองฝ่ายยังได้ย้ำความสำคัญของความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ ในภูมิภาค ซึ่งไทยยืนยันความมุ่งมั่นที่จะดูแลชาวเกาหลีใต้ในไทย และพร้อมที่จะร่วมมือกับเกาหลีใต้ เพื่อป้องกันการขยายตัวของปัญหาดังกล่าวต่อไป โดยประเด็นนี้เป็นการต่อยอดจากการหารือระหว่างกันตั้งแต่การหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีของสาธารณรัฐเกาหลี มาจนถึงการหารือในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ผ่านมาด้วย
4.2 การพบหารือกับนายกรัฐมนตรีแคนาดา 
- นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงนโยบายของสองฝ่ายที่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ และการพัฒนาเทคโนโลยีในสาขาพลังงานสะอาด อาหาร และดิจิทัล
- ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งฝ่ายแคนาดาได้ให้ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนที่ไทยและประชาคมโลกให้ความสำคัญ
 
5. การพบหารือกับภาคเอกชนของนายกรัฐมนตรี
- นายกรัฐมนตรีพบหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับภาคเอกชนชั้นนำของสาธารณรัฐเกาหลี กล่าวคือ บริษัท SK Bioscience ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยบริษัทมีบันทึกความเข้าใจด้านการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จากเซลล์เพาะเลี้ยงกับองค์การเภสัชกรรมของไทย ซึ่งไทยสามารถใช้โอกาสดังกล่าวเสริมสร้างศักยภาพและความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้และขยายความร่วมมือในภูมิภาคในอนาคตต่อไป
6. การพบหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มีโอกาสพบหารือทวิภาคีกับ 2 ประเทศ ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย และรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศปาปัวนิวกินี
- โดยได้ย้ำที่จะกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ระหว่างกัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การเกษตร สาธารณสุข การท่องเที่ยว รวมถึงได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อพัฒนาการและสถานการณ์สําคัญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกด้วย