1. ตามที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาต่อสาธารณชนเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 18 มิถุนายน 2568 โดยฝ่ายกัมพูชา นั้น ฝ่ายไทยเห็นว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณและมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะการใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

2. ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ หัวหน้ารัฐบาลของประเทศที่ควรได้รับการเคารพและให้เกียรติ ตามแนวปฏิบัติสากลของการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

3. วันนี้ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้มีหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าวผ่านช่องทางทางการทูต โดยได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมารับหนังสือดังกล่าว โดยมีเนื้อหาปรากฏอยู่บนจอและที่จะเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อแจ้งว่า การกระทำข้างต้นของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานของการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ และเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง

4. การดำเนินการของฝ่ายไทยซึ่งรวมถึงการตอบโต้ดังกล่าวเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการทูต กระทำโดยใช้วิจารณญาณ มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาไว้เรียบร้อยแล้ว กระทรวงการต่างประเทศขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องนี้เป็นการดำเนินการทางการทูตซึ่งเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ปัญหาระหว่างประชาชนสองประเทศ

5. ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่ใช้การสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือ Social Media โดยมุ่งหวังเพื่อปลุกระดมความนิยมจากประชาชน และสร้างความแตกแยกให้กับสังคมของทั้งสองประเทศหรือของประเทศอื่น ซึ่งแสดงถึงการไม่เคารพหลักการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และการกระทำเช่นนี้ไม่ควรได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากประชาคมระหว่างประเทศ