เมื่อวันที่ 26-28 ธันวาคม 2555 นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ เดินทางเยือนไต้หวัน เพื่อหารือกับฝ่ายไต้หวันเกี่ยวกับสถานการณ์แรงงานไทยในไต้หวัน รวมทั้งตรวจเยี่ยมและพบปะแรงงานไทย โดยในวันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม 2555 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายเกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายพัน ชื่อ – เหว่ย (Pan, Shih – Wei) ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานไต้หวัน (Council of Labor Affairs – CLA)
สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
1. ปัญหาค่าบริการจัดหางานไปทำงานที่ไต้หวันแพงเกินกว่าความเป็นจริงอยู่มาก ซึ่งมีอุปสรรคคือการเรียกเก็บค่าบริการเกินกว่ากฎหมายกำหนดมักจะไม่มีหลักฐานหรือใบเสร็จ ทำให้ยากต่อการจัดการแก้ไข ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานไต้หวันแจ้งว่า CLA ให้ความสำคัญและพร้อมที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยอาจให้บริษัทจัดหางานไต้หวันลงนามในหนังสือรับรองว่าจะไม่เก็บค่าตำแหน่งงานแล้วส่งไปให้ฝ่ายไทยทราบ หากได้รับการร้องเรียนจากฝ่ายไทยว่าถูกเรียกเก็บค่าบริการเกินความเป็นจริงและจะต้องซื้อตำแหน่งงานจากบริษัทจัดหางานไต้หวัน ก็จะดำเนินการลงโทษบริษัทจัดหางานนั้น ๆ อย่างเด็ดขาด
2. ปัญหายาเสพติด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานขอความร่วมมือฝ่ายไต้หวันให้เคร่งครัดและกวดขันปัญหายาเสพติดในหมู่แรงงานไทยเป็นพิเศษ ซึ่งประธานคณะกรรมาธิการแรงงานไต้หวันรับที่จะประสานกระทรวงมหาดไทยไต้หวันให้ช่วยดูแล พร้อมทั้งจะยกประเด็นเรื่องปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดในหมู่แรงงานต่างชาติขึ้นหารือในคณะรัฐมนตรีไต้หวันอีกด้วย
3. การพัฒนาฝีมือแรงงานไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแจ้งกับฝ่ายไต้หวันว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความสำคัญกับแรงงาน โดยมีงบประมาณสำหรับพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้มาทำงานในต่างประเทศอย่างมีฝีมือ ตั้งใจทำงาน และมีวินัย เพื่อเป็นการตอบแทนนายจ้างต่างชาติ นอกจากนี้ ยังมีแผนจะให้มีการอบรมภาษาจีนแก่แรงงานก่อนเดินทางไปทำงานที่ไต้หวันตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป ซึ่งประธานคณะกรรมาธิการแรงงานไต้หวันเห็นด้วยว่า การพัฒนาฝีมือแรงงานเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากแรงงานต่างชาติในไต้หวันส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ จึงได้ค่าแรงต่ำ ดังนั้น หากแรงงานไทยที่มาทำงานในไต้หวันเป็นแรงงานกึ่งฝีมือ ก็จะได้รับค่าจ้างที่ดีขึ้น เนื่องจากไต้หวันเองขาดแคลนแรงงานระดับนี้ด้วยเช่นกัน
กระทรวงแรงงานของไทยกำลังจัดระบบติดตามแรงงานไทยที่กลับจากทำงานในไต้หวันหลังครบสัญญาจ้าง ให้อยู่ในรายชื่อแรงงานไทย (labour pool) สำหรับเสนอให้โรงงานไต้หวันในประเทศไทยว่าจ้างต่อไป ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศไทยและยังจะช่วยให้แรงงานไทยดังกล่าวมีงานทำในระยะยาวอีกด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยังได้ไปเยี่ยมคนงานไทยที่เมืองเถาหยวน ซึ่งมีคนงานไทยทำงานอยู่ประมาณ 20,000 คน จากจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 70,000 คนทั่วไต้หวัน ซึ่งทำให้ไต้หวันเป็นตลาดส่งออกแรงงานอันดับหนึ่งของไทย