เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. นายธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต ให้แก่คณาจารย์ และนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ ๕๗ นำโดยพลตรี สรานุวัตร ประดิษฐพงษ์ ที่ปรึกษา วปอ. ซึ่งได้เดินทางมาดูกิจการและศึกษาภูมิประเทศ ที่ประเทศจีน และญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยมีอัครราชทูตฯ พันเอกนพปฎล กุลจรรยาวิวัฒน์ ผู้ช่วยทูตทหารบกและรักษาการผู้ช่วยทูตทหาร นาวาเอกไพศาล ชะโนภาษ ผู้ช่วยทูตทหารเรือ นาวาอากาศเอกสุระ ไชโย ผู้ช่วยทูตทหารอากาศ พันเอกเอื้อชาติ หนุนภักดี รองผู้ช่วยทูตทหารบกและรักษาการรองผู้ช่วยทูตทหาร และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ฯ เข้าร่วมด้วย
เอกอัครราชทูตฯ กล่าวต้อนรับ และบรรยายสรุปภาพรวมพัฒนาการทางการเมืองและเศรษฐกิจจีนที่เชื่อมโยงกับการประชุม “สองสภาฯ ” ของจีน ได้แก่ สภาประชาชนแห่งชาติจีน (National People’s Congress-NPC) และสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีน (Chinese People’s Political Consultative Conference-CPPCC) ระหว่างวันที่ ๓ - ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๘ และหลักทฤษฎีการเมืองใหม่ “สี่ด้านถ้วนทั่ว” (Four comprehensives) ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้แก่ สร้างสังคมมีกินแบบพอเพียง ลงลึกการปฏิรูป ปกครองประเทศตามหลักนิติรัฐ และเข้มงวดวินัยพรรคคอมมิวนิสต์ ฯ อันถือเป็นนโยบายที่มีนัยเชิงสำคัญทางการบริหารประเทศภายใต้แกนนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
เอกอัครราชทูตฯ เห็นว่า จีนสามารถพัฒนามาถึงปัจจุบัน เนื่องจาก
(1) นโยบายที่ต่อเนื่องตามการกำหนดชี้นำ/การบริหารโดยพรรคคอมมิวนิสต์ฯ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของประเทศ
(2) เป็นประเทศที่มีการสะสมทางภูมิปัญญา
(3) คนจีนโดยรวมมีความสามารถด้านการค้าขาย
(4) จีนได้เปรียบด้านภูมิรัฐศาสตร์ อาทิ พื้นที่ในการผลิต จำนวนแรงงาน/บุคคลากร และทรัพยากร
(5) จีนเน้นการพัฒนาและปฎิรูปการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อสะท้อนความเป็นจริง
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยังได้บรรยายสรุปเรื่อง ภาพรวมความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งพัฒนาในเชิงบวกในทุกมิติ และปีนี้ เป็นปีครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ซึ่งจะเป็นโอกาสดีในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในมิติต่าง ๆ อาทิ โครงการความร่วมมือด้านรถไฟ ทั้งนี้ จีนให้ความสำคัญไทย ในฐานะประเทศหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน และมีบทบาทสำคัญในกรอบอาเซียน ซึ่งเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของจีน โดยเฉพาะการส่งเสริมเส้นทางสายไหมในศตวรรษที่ ๒๑ ระหว่างรับประทานอาหารค่ำ เอกอัครราชทูตฯ และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคณะอย่างกว้างขวาง