เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. นางสาวบุษกร พฤกษพงศ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี ได้เข้าเยี่ยมคารวะและพบหารือกับ Assistant Superintendent Jose da Costa. L. CG, DG of Migration Service ของติมอร์ฯ โดยมีนางสาวชลทิพา วิญญุนาวรรณ เลขานุการเอก เข้าร่วมด้วย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องกระบวนการตรวจลงตราของติมอร์ฯ และความเป็นไปได้ในการจัดฝึกอบรมของไทยให้ฝ่ายติมอร์ฯ ปัจจุบัน คนไทยที่ถือหนังสือเดินทางเล่มธรรมดา ต้องทำ Visa on Arrival ที่สนามบินกรุงดิลี เมื่อเดินทางถึงประเทศติมอร์ฯ โดยมีค่าธรรมเนียม USD ๓๐ และสามารถขอต่ออายุตรวจลงตราได้อีก ๓๐ – ๖๐ วัน โดยพำนักอยู่ได้คราวละไม่เกิน ๙๐ วัน ส่วนหนังสือเดินทางทูตและราชการไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม
สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางมาทำงานที่ติมอร์ฯ หลังจากที่ทำ Visa on Arrival แล้ว ต้องรีบดำเนินการเพื่อขอ Work Visa ภายใน ๙๐ วัน โดยต้องเตรียมเอกสารสำคัญจากไทยมายื่นประกอบ ได้แก่ ใบรับรองความประพฤติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและใบรับรองแพทย์ และต้องมีหนังสือจากบริษัทติมอร์ฯ ที่ว่าจ้าง โดยต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือของติมอร์ฯ ก่อน กรมตรวจคนเข้าเมือง
จึงจะดำเนินการตรวจลงตราให้ ซึ่งขณะนี้ รัฐสภาติมอร์ฯ กำลังพิจารณาปรับปรุงร่างกฎหมาย และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้เข้มงวดขึ้นในปีหน้า
ปัจจุบัน กรมตรวจคนเข้าเมืองสังกัดกระทรวงกลาโหมและความมั่นคงติมอร์ฯ มีเจ้าหน้าที่ ๙๓ นาย ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สำนักงานในกรุงดิลีและตามจุดผ่านแดนต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีการแลกเปลี่ยนการฝึกอบรมกับอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย บราซิล และโปรตุเกส และกำลังจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านตรวจคนเข้าเมืองกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฎิบัติร่วมกันกรณีเกิดปัญหาบริเวณเขตแดน
ในโอกาสดังกล่าว ออท. แจ้งว่า ฝ่ายไทยพร้อมให้การสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรของติมอร์ฯ ได้กรมตรวจคนเข้าเมืองสามารถยื่นข้อเสนอโครงการผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตฯ หรือนำเรื่องเข้าหารือในการประชุมวิชาการระหว่างไทย-ติมอร์ฯ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี