เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๘ นางสาวพาชื่น พรมงคล กงสุลใหญ่ ณ เมืองเซี่ยเหมิน ร่วมพิธีเปิดภาคการศึกษา ขรก.ทุนการศึกษาสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน รุ่นที่ ๑๑ จำนวน ๑๕๓ คน โดยมี ศาสตราจารย์ เจี่ย อี้หมิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเป็นประธาน และแขกผู้มีเกียรติจากประเทศไทย ดร.ชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ประธานฝ่ายการศึกษาสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน พลเอกวิชิต ยาทิพย์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ตัวแทนจากภาคกระทรวงต่าง ๆ ที่ส่ง ขรก. เข้ามาศึกษาอบรม ผู้บริหารมหาวิทยาลัยและสื่อมวลชนให้ความสนใจร่วมงานอย่างคับคั่ง
อนึ่ง ขรก. ทุนการศึกษา รุ่นที่ ๑๑ เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหัวเฉียวและสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน มอบทุนการศึกษาให้แก่หน่วยงานสำคัญของราชการไทย โดยโครงการนี้ได้ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา ๑๐ ปี แล้ว และในปีนี้ได้มอบทุนการศึกษาให้ ขรก.จากประเทศเพื่อนบ้านด้วย อาทิ ประเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา ซูรินัม เป็นต้น โดยประเทศไทยมี ขรก.ร่วมเข้าฝึกอบรม จำนวน ๙๗ คน จากสังกัดต่าง ๆ อาทิ กรมราชองค์รักษ์ กองทัพบก รัฐสภา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาลปกครอง สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา กรมศุลกากร สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นต้น
ในการนี้ กสญ.พาชื่น พรมงคล ได้กล่าวแสดงความยินดีและให้โอวาทแก่ ขรก.ที่มาศึกษาอบรมว่าการรู้ภาษาเปรียบเสมือนมีเครื่องมือสื่อสาร ทำให้สามารถเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับประเทศเจ้าของภาษามากขึ้น และเมื่อเรียนรู้มากขึ้น ก็ก่อให้เกิดความสนใจขยายตัวต่อไปในด้านอื่น ๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการต่าง ๆ ในประเทศของตน กลายเป็นเครือข่ายที่สำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของตนกับประเทศจีน โดยเฉพาะประเทศไทยและประเทศจีน ซึ่งครบรอบ ๔๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปีนี้ กอรปกับแนวคิด One Belt One Road ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ต้องการยกระดับความสัมพันธ์ อาเซียน-จีน ให้ไปสู่ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน หรือ Community of Common Destiny ซึ่งแนวคิดดังกล่าวไม่เพียงมีแต่เรื่องการสร้างความเชื่อมโยงในระดับhardware คือการสร้างถนนหนทางท่าเรือ ฯลฯ เท่านั้น แต่ยังมีการสร้างความเชื่อมโยงในระดับประชาชนต่อประชาชน ผ่านทางความร่วมมือด้านการศึกษาและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอีกด้วย นักศึกษาเหล่านี้จึงจะเป็นsoftwareตัวสำคัญในการสร้างความเชื่อมโยงและรองรับความร่วมมือไทย-จีนในด้านต่าง ๆ ซึ่งนับวันจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นและอย่างรอบด้านต่อไป