การเจริญเติบโตและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้มีความต้องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้เกิดการขยายตัวของการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนทั้งไทยและลาวมาเป็นเวลายาวนาน
เมื่อปี ๒๕๕๑ ไทยและลาวได้ร่วมกันวางกฎเกณฑ์เกี่ยวกับ (๑) ข้อกำหนดมาตรฐานด้านเทคนิค การก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง เพื่อให้แต่ละฝ่ายนำไปใช้ปฏิบัติสำหรับการป้องกันตลิ่ง ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออีกฝ่ายหนึ่งที่ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง และ (๒) ข้อกำหนดทางด้านเทคนิคเกี่ยวกับการดูดทรายตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง เพื่อเป็นระเบียบปฏิบัติระหว่างฝ่ายไทยและฝ่ายลาว โดยกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดูดทรายตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง รวมทั้งวางมาตรการต่าง ๆ ที่จำเป็นและเหมาะสม และเพื่อหลีกเลี่ยงและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ตลิ่ง การเดินเรือและระบบนิเวศตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ในปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไขปรับปรุงข้อกำหนดทั้งสองให้มีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
คณะอนุกรรมการเทคนิคร่วม ภายใต้คณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง (JTMH) ซึ่งเป็นกลไกกำกับดูแลข้อกำหนดทั้งสองดังกล่าว จึงได้จัดการประชุม JTMH ครั้งที่ ๔ ขึ้น ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ โดยมีรองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วม ฝ่ายไทย และมีรองหัวหน้ากรมโยธาธิการทางน้ำ กรมโยธาธิการและขนส่ง เป็นประธานร่วมฝ่ายลาวโดยมีผู้แทนจากส่วนราชการต่าง ๆ ของไทยเข้าร่วม อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพเรือ เป็นต้น
การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแห่งความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของการพยายามผลักดันกลไกการดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างไทยและลาวในการแก้ไขปรับปรุงข้อกำหนดทั้งสองฉบับ ซึ่งจะนำไปสู่ การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม และลดหรือหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างกัน อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุน การทำงานร่วมกันแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งยึดถือประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศเป็นสำคัญ อันจะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่แนบแน่นยิ่งขึ้นไป และเพื่อให้แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำแห่งมิตรภาพอย่างแท้จริง