เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นางสาวภัทรัตน์ หงษ์ทอง เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา ได้กล่าวแสดงความขอบคุณในที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (Commission on Crime Prevention and Criminal Justice: CCPCJ) สมัยที่ 34 ที่กรุงเวียนนา ภายหลังข้อมติ Celebrating the Bangkok Rules and the Nelson Mandela Rules: A call for continued action in the field of prison and offender management ได้รับการรับรองโดยที่ประชุมดังกล่าว และกล่าวย้ำถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศที่กรุงเวียนนา รวมถึงความสำคัญของข้อกำหนดทั้งสองในการผลักดันแนวการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังที่ดี เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงระบบราชทัณฑ์ทั่วโลก

ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา ทำหน้าที่ประธานการเจรจาข้อมติ ด้วยการสนับสนุนจากสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (Thailand Institute of Justice: TIJ) จนข้อมติฯ ได้รับการรับรองโดยฉันทามติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปีของการรับรองข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิงหรือข้อกำหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) และโอกาสครบรอบ 10 ปีของข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหรือข้อกำหนดแมนเดลา (Mandela Rules)

นอกจากนี้ นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมได้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม CCPCJ สมัยที่ 34 และนายพืชภพ มงคลนาวิน รองอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงในระหว่างการประชุม CCPCJ สมัยที่ 34 ระหว่างวันที่ 19 - 23 พฤษภาคม 2568 เพื่อย้ำความร่วมมือที่ดีของไทยกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) โดยเฉพาะสำนักงาน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ที่กรุงเทพฯ และแสดงความมุ่งมั่นของไทยในการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 16 ด้านหลักนิติธรรม

ข้อกำหนดกรุงเทพเป็นข้อริเริ่มตามพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เพื่อมุ่งปรับปรุงมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในระดับสากล ซึ่งได้รับการรับรองอย่างฉันทามติโดยที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 65 เมื่อปี 2553 และเพื่อให้เกียรติประเทศไทยในฐานะผู้ผลักดันและมีบทบาทนำในเรื่องนี้ สหประชาชาติจึงกำหนดชื่อเรียกย่อของข้อกำหนดนี้ว่า “ข้อกำหนดกรุงเทพ”

CCPCJ เป็นกรอบการประชุมภายใต้คณะมนตรีว่าด้วยเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (Economic and Social Council: ECOSOC) ประกอบด้วยรัฐสมาชิกสหประชาชาติจำนวน 40 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย โดย CCPCJ มีหน้าที่กำหนดนโยบายและเป็นเวทีหารือในสาขาป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา และทบทวนมาตรฐานและบรรทัดฐาน (standard and norms) ของสหประชาชาติในสาขาดังกล่าว อีกทั้งมีอาณัติในการผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการต่อต้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ การฟอกเงิน อาชญากรรมไซเบอร์ ส่งเสริมบทบาทของกฎหมายอาญาในการปกป้องสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรม