เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ นายเสก นพไธสง กงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู
เข้าร่วมงานพิธีเปิดงานมหกรรมอุตสาหกรรมอัจฉริะแห่งประเทศจีน นครเฉิงตู ครั้งที่ ๑๐ ณ Chengdu Century City New International Exhibition and Convention Center นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน
จัดโดยหอการค้าระหว่างประเทศมณฑลเสฉวน สมาคมระบบนำทางและระบุตำแหน่งดาวเทียมจีน และสมาคมวิจัยพลังงานจีน ภายใต้หัวข้อ “พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลสร้างสังคมอัจฉริยะ” ซึ่งมีบริษัทชั้นนำกว่า ๒๐๐ แห่ง เข้าร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรมโดรนขนส่ง และของเล่น AI ที่สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้

มหกรรมดังกล่าวเติบโตจากเวทีภูมิภาคสู่เวทีอุตสาหกรรมอัจฉริยะระดับสากล ที่เน้นบูรณาการเศรษฐกิจดิจิทัล
กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดงานมีการจัดกิจกรรมพิเศษกว่า ๑๐ กิจกรรม เช่น งานเสวนาเรื่องห่วงโซ่อุตสาหกรรมอัจฉริยะปี ๒๕๖๘ งานเสวนาเรื่องพลังงานอัจฉริยะจีนปี ๒๕๖๘ และกิจกรรมว่าด้วยการประยุกต์ใช้ระบบดาวเทียม
เป่ยโต่ว (Beidou) กับเศรษฐกิจการบินระดับต่ำ โดยมีผู้บริหารบริษัทชั้นนำและผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิด
ภายในงานมีนวัตกรรมหลากหลายดึงดูดความสนใจผู้เข้าชม ทั้งโดรนแสดงแสงไฟ หุ่นยนต์อุตสาหกรรม หุ่นยนต์ดูแลบ้าน ของเล่น AI ที่โต้ตอบกลับได้ ซึ่งมุ่งส่งเสริมการสร้างขีดความสามารถการผลิตรูปแบบใหม่ เช่น เศรษฐกิจ การบินระดับต่ำ การประยุกต์ใช้ระบบเป่ยโต่ว (Beidou) และพลังงานอัจฉริยะ เพื่อเสริมแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจคุณภาพสูงของมณฑลเสฉวนและสอดคล้องกับความต้องการเชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีน

ในช่วงพิธีเปิดงาน ดร. Hans Holzhacker หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียกลาง (CAREC Institute) ชี้ว่าพลังงานเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาสังคมสมัยใหม่
และพลังงานอัจฉริยะคือทิศทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของอนาคตพลังงานโลกการสร้างอนาคตพลังงานอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกัน จำเป็นต้องอาศัยการลงทุนขนาดใหญ่การบริหารจัดการที่ทะเยอทะยาน และความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ดร. วีระวัฒน์ จันทนาคม ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กระทรวงพลังงาน ซึ่งย้ำว่าการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานมีทั้งความเร่งด่วนและความซับซ้อน จึงจำเป็นต้องยกระดับความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค
สร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ชาญฉลาด ยืดหยุ่น และครอบคลุม ความสำเร็จของจีนในด้านพลังงานหมุนเวียนระบบกักเก็บพลังงาน และการบูรณาการโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขาและชนบท

ในโอกาสนี้
กงสุลใหญ่ได้พบปะพูดคุยและสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการจีนในสาขาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไทยหลายด้าน เช่น การถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเพิ่มศักยภาพภาคการผลิตและพลังงานหมุนเวียนการประยุกต์ใช้ระบบนำทางดาวเทียมในโลจิสติกส์ และเกษตรอัจฉริยะตลอดจนการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและพลังงานให้ทันสมัย รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมอัจฉริยะ และเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยกับห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น