เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตานุทูตต่างประเทศและผู้แทนองค์การระหว่างประเทศประจำประเทศไทย โดยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธาน ร่วมด้วยนายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และนางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ

การบรรยายสรุปครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแสดงวิสัยทัศน์นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลชุดใหม่ โดยมุ่งมั่นที่จะทำให้ 4 เดือนนี้ มีความหมายสำหรับการต่างประเทศของไทย โดยกล่าวถึงการต่างประเทศที่รอบด้านและไปอยู่ในทุกทิศทางที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานผลการเข้าร่วมสัปดาห์ผู้นำของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ณ นครนิวยอร์ก ระหว่างวันที่ 25 – 29 กันยายนที่ผ่านมา โดยไทยได้ใช้เวทีนี้ในการนำประเทศไทยกลับเข้าสู่จอเรดาร์โลก โดยการย้ำความยึดมั่นในระบอบพหุภาคี และได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อประชาคมโลกในประเด็นต่าง ๆ เช่น สถานการณ์ในเมียนมา สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สถานการณ์ในยูเครนและตะวันออกกลาง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเน้นย้ำถึงนโยบายของไทยในการฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่าไทยพร้อมแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์และสันติ ผ่านกลไกการเจรจาทวิภาคีที่มีอยู่ ทั้งนี้ ไทยได้ชี้แจงต่อประชาคมโลกเพื่อตอบโต้ถ้อยแถลงจากฝ่ายกัมพูชาที่กล่าวพาดพิงสถานการณ์ชายแดน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับท่าทีของไทย

นอกจากนี้ ไทยยังแจ้งต่อคณะทูตต่างประเทศถึงการพบปะกับภาคเอกชนของสหรัฐอเมริกา ผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติ รัฐมนตรีรัฐสมาชิกอื่น ๆ การหารือทั้งในกรอบ 4 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย ไทย สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และกัมพูชา ระหว่างการประชุม UNGA โดยย้ำเป้าหมายในการหาทางออกต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชาที่สันติและยั่งยืน

ในช่วงท้าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเน้นย้ำว่า ไทยยังคงมุ่งมั่นสร้างความร่วมมือกับกัมพูชาเพื่อคลี่คลายปัญหา แต่เรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจทั้งในเชิงคำพูดและการปฏิบัติ พร้อมยุติการดำเนินการใด ๆ ที่อาจยั่วยุหรือบ่อนทำลายบรรยากาศแห่งความร่วมมือ โดยยืนยันว่าไทยจะยึดมั่นแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีและการเจรจาที่มีอยู่

การบรรยายสรุปครั้งนี้มีคณะทูตต่างประเทศ และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศในประเทศไทยเข้าร่วมจำนวน 99 คน จาก 67 ประเทศ 1 องค์กร (สหภาพยุโรป) และองค์การระหว่างประเทศ 5 แห่ง