แถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป สมัยพิเศษ จังหวัดเกาะกง กัมพูชา 10 กันยายน 2568

แถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป สมัยพิเศษ จังหวัดเกาะกง กัมพูชา 10 กันยายน 2568

วันที่นำเข้าข้อมูล 10 ก.ย. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 10 ก.ย. 2568

| 81 view

- คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ-

แถลงข่าวร่วม
การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป สมัยพิเศษ
จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568

 

  1. กัมพูชาเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1 ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี ฯพณฯ พลเอก เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมราชอาณาจักรกัมพูชา และ ฯพณฯ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมราชอาณาจักรไทย เป็นประธานร่วม

  2. วัตถุประสงค์ของการประชุม GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1 คือการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลลัพธ์เชิงบวกของการประชุม GBC สมัยวิสามัญ ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2025 และเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการที่จำเป็นสำหรับการส่งเสริมการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างมีประสิทธิผลและสมบูรณ์

  3. ที่ประชุมยืนยันการดำเนินการตามผลการประชุมที่เป็นรูปธรรมของการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ 4 ครั้ง ระหว่างภูมิภาคทหารของกัมพูชา 3 ภูมิภาค กับกองทัพภาคของกองทัพไทย 2 กองทัพภาค และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2568 ในราชอาณาจักรกัมพูชาและราชอาณาจักรไทยตามลำดับ

  4. การประชุมครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของผลการประชุม GBC สมัยวิสามัญ และเป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้เดินหน้าหารืออย่างสร้างสรรค์ ส่งเสริมมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขข้อขัดแย้งและประเด็นข้อห่วงกังวลต่าง ๆ อย่างสันติ โดยมีเป้าหมายร่วมเพื่อกลับคืนสู่สภาวะปกติในอนาคตอันใกล้

  5. การประชุมกองเลขานุการร่วม จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 7-9 กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีพลตรี แญม โบราเดน รองหัวหน้าสำนักงานรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมราชอาณาจักรกัมพูชา และพลโท ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารราชอาณาจักรไทย เป็นประธานร่วม ในโอกาสนี้ กองเลขานุการของทั้งสองฝ่ายได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในบรรยากาศที่เป็นมิตร มีไมตรีจิตร และสร้างสรรค์ เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุม GBC ระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1

  6. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะดำเนินมาตรการเพื่อลดความตึงเครียดและฟื้นฟูความเชื่อมั่น ดังนี้:

    a. ที่ประชุมตระหนักในความจำเป็นในการลดความตึงเครียด โดยการถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างกลับไปยังที่ตั้งทางทหารปกติของแต่ละฝ่าย เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ฝ่ายเลขานุการของ GBC และ RBC จะเริ่มหารือเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการที่มีรายละเอียด เป็นรูปธรรม และเป็นขั้นตอน ภายในสามสัปดาห์หลังการประชุมในครั้งนี้ โดยแผนปฎิบัติการดังกล่าวจะถูกนำไปปฏิบัติภายใต้การสังเกตการณ์และการตรวจสอบของ AOT

    b. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับข้อกำหนดขอบเขตการปฏิบัติ (TOR) สำหรับการจัดตั้ง AOT โดยทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบในประเทศของตน และหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่มีอำนาจรับผิดชอบแล้ว จะแจ้งให้มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนทราบเกี่ยวกับ TOR ที่ได้ตกลงกัน เพื่อสนับสนุนการจัดตั้ง AOT ต่อไป

    c. ระหว่างที่รอการจัดตั้ง AOT ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงบทบาทสำคัญของ IOT และเห็นพ้องที่จะยังคงใช้กลไก IOT เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิผลต่อไป

    d. ที่ประชุมยินดีต่อข้อตกลงที่จะไม่ขยายขอบเขตหรือเพิ่มระดับของข้อพิพาท หรือไม่ดำเนินกิจกรรมที่ยั่วยุ ที่อาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น การดำเนินการที่จำเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัยโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องกระทำภายในที่มั่นของตนเอง ณ เวลาหยุดยิง 00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และต้องเป็นไปตามข้อตกลงหยุดยิงของการประชุม GBC สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความไว้วางใจและความร่วมมือระหว่างกัน

    e. ที่ประชุมได้ย้ำความสำคัญของการดำรงการสื่อสารตามปกติระหว่างภูมิภาคทหาร กองทัพภาค และหน่วยต่าง ๆ ตามแนวชายแดนของทั้งสองฝ่าย โดยมุ่งมั่นที่จะแก้ไขทุกปัญหาด้วยสันติวิธีและหลีกเลี่ยงการปะทะ ทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทยตระหนักถึงความจำเป็นของการเพิ่มการสื่อสารในทุกระดับเพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจ และส่งเสริมความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

    f. ที่ประชุมตระหนักถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ข่าวปลอม การกล่าวหา การโจมตีด้วยวาจา และวาทกรรมที่สร้างความเสียหาย ไม่ว่าจะผ่านช่องทางที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ เพื่อช่วยลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกด้านลบของสาธารณชน และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาด้วยสันติวิธี การตรวจพบการละเมิดในเรื่องดังกล่าวจะถูกรายงานต่อ IOT/AOT ของแต่ละฝ่าย

    g. ที่ประชุมสนับสนุนความพยายามในการป้องกันการกระทำที่บ่อนทำลายความไว้วางใจ ปลุกปั่นความเกลียดชัง ยั่วยุให้เกิดความเข้าใจผิด หรือทำให้ความตึงเครียดตามแนวชายแดนรุนแรงขึ้น ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเคารพซึ่งกันและกัน และสร้างความโปร่งใสเพื่อคงไว้ซึ่งเสถียรภาพและความเชื่อมั่นในระยะยาว

    h. การประชุมมีเป้าหมายในการส่งเสริมการหารือและเพิ่มพูนความเชื่อมั่น เพื่อลดความตึงเครียดและดำรงไว้ซึ่งสันติภาพตามแนวชายแดน โดยใช้กลไกที่จำเป็นทุกประการเพื่อแก้ไขความแตกต่างอย่างสันติด้วยเจตนารมณ์ของความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

    i. เพื่อแสดงออกถึงมิตรภาพ ความไว้วางใจ และความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน และความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูความสัมพันธ์และการกลับสู่ภาวะปกติ การส่งตัวเชลยศึกกลับคืนจะเกิดขึ้นโดยเร็วในเวลาที่เหมาะสม บนพื้นฐานด้านมนุษยธรรม และโดยสอดคล้องกับข้อ 118 แห่งอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 ปี ค.ศ. 1949 และข้อ 128 (A) แห่งกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศตามจารีตประเพณี
    j. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการกลับมาเปิดจุดผ่านแดนระหว่างจังหวัดจันทบุรีและตราดของประเทศไทย และจังหวัดพระตะบองของกัมพูชา เพื่อการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์หรือสินค้า ยกเว้นวัสดุที่มีวัตถุประสงค์ทางทหาร เพื่อเอื้อต่อการค้าและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จำเป็นสำหรับการคงไว้ซึ่งห่วงโซ่อุปทานสำคัญของภูมิภาค โดยรายละเอียดเพิ่มเติมจะมีการหารือกันต่อไปในการประชุม RBC

  7. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินมาตรการเพื่อความร่วมมือในทางปฏิบัติ ดังนี้:

    a. ทั้งสองฝ่ายย้ำความสำคัญของการเดินหน้าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม และเพื่อการคุ้มครองชีวิตพลเรือน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดตั้งชุดประสานงานร่วมเฉพาะกิจ ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากการประชุมครั้งนี้ นำโดยกองเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย โดยมี CMAC และ TMAC เข้าร่วม เพื่อกำหนดและตกลงพื้นที่เร่งด่วน รวมถึงการประสานแผนและการปฏิบัติในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ทั้งสองฝ่ายจะหารือและจัดทำระเบียบปฏิบัติมาตรฐาน (Standard Operating Procedures) ที่จำเป็นเพื่อบรรลุภารกิจ โดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และท่าทีของแต่ละฝ่าย ชุดเฉพาะกิจดังกล่าวจะเริ่มระบุพื้นที่นำร่องตามแนวชายแดนสำหรับการปฏิบัติภายในหนึ่งเดือน

    b. การดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมทั้งหมดนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างสองประเทศ

    c. ที่ประชุมได้เสนอให้มีการเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการลักลอบค้าอาวุธ ยาเสพติด การค้ามนุษย์และสัตว์ป่า แรงงานบังคับ การลักลอบขนสินค้า และการข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย โดยยืนยันการสนับสนุนความพยายามร่วมกันของหน่วยงานชายแดน การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามหลักมนุษยธรรมและกฎหมายภายใน

    d. ที่ประชุมเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ตกลงร่วมกัน เกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งครอบคลุมถึงการเสริมสร้างการควบคุมชายแดน การเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การจำกัดการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารที่ผิดกฎหมาย ความพยายามในการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ และกลไกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

    e. เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้งสองประเทศจะประชุมร่วมกันภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากการประชุมครั้งนี้เพื่อจัดตั้งคณะทำงานร่วมซึ่งจะมีหน้าที่จัดทำแผนปฏิบัติการด้านอาชญากรรมข้ามชาติ

    f. เกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ระหว่างบ้านภูมิโชคชัย ตำบลโอไบจวน อำเภอโอเจริว จังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา กับบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายตกลงดังนี้:

    - ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย - กัมพูชา เป็นกลไกในการหาทางออกสำหรับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วม และตกลงที่จะให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย - กัมพูชา ครั้งต่อไป พิจารณาประเด็นนี้เป็นวาระเร่งด่วน


    - ทั้งสองฝ่ายมอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หารือเกี่ยวกับการบริหารจัดการประเด็นนี้โดยเร็วที่สุด โดยเป็นไปตามผลการหารือของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา

    g. ในระหว่างนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและจังหวัดบันเตียเมียนเจยจะประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่ด้วยสันติวิธี รวมถึงการยุติกิจกรรมทุกประเภทที่เป็นการขยายขอบเขตข้อพิพาทและทำให้ความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น

    แนวทางดังกล่าวข้างต้นจะถูกนำไปใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่อื่นที่มีปัญหาลักษณะเดียวกัน ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

 

  1. ที่ประชุมกำหนดให้การประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาคครั้งถัดไปดำเนินการ ดังนี้:

    a. การหารือเกี่ยวกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ การกลับสู่สภาวะปกติ และการกลับมาแลกเปลี่ยนระดับประชาชน

    b. การจัดตั้งชุดประสานงาน (CG) โดยมีองค์ประกอบ บทบาท และความรับผิดชอบที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน

    c. การหารือเกี่ยวกับองค์ประกอบ บทบาท และความรับผิดชอบของคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) และเสนอผลการหารือที่ได้ตกลงร่วมกันต่อคณะกรรมการชายแดนทั่วไปเพื่อให้ความเห็นชอบและจัดตั้งขึ้นต่อไป.

  2. การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นภายใน 30 วันหลังจากการประชุมครั้งนี้ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

 

* * * * *