สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 16 ตุลาคม 2568

สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 16 ตุลาคม 2568

วันที่นำเข้าข้อมูล 16 ต.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 16 ต.ค. 2568

| 97 view

สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 16 ตุลาคม 2568 เวลา 10.30 น.

ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK/Youtube LIVE กระทรวงการต่างประเทศ

 

  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมภารกิจนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือน สปป. ลาว อย่างเป็นทางการ
  • เมื่อวันที่ 15 - 16 ตุลาคม 2568 รัฐมนตรีฯ ได้ร่วมภารกิจนายกรัฐมนตรีเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว
  • การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี ภายหลังดำรงตำแหน่ง และมีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - สปป.ลาว โดยนายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว และจะเข้าเยี่ยมคารวะนายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป. ลาว
  • เป้าหมายของการเยือน คือ เพื่อสานต่อความร่วมมือภายใต้หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน และวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับความร่วมมือในอนาคต
  • ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญร่วมกัน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและปัญหาข้ามแดนต่าง ๆ การเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยง รวมถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

 

  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการในห้วงการประชุมโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการไทย - สิงคโปร์ (CSEP) ครั้งที่ 15
  • รัฐมนตรีฯ มีกำหนดเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการในห้วงการประชุมโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการไทย - สิงคโปร์ (Civil Service Exchange Programme: CSEP) ครั้งที่ 15 ภายใต้หัวข้อ “Partners in Progress, Shaping a Green and Digital Future” ระหว่างวันที่ 21 - 22 ตุลาคม 2568 โดยจะร่วมกล่าวเปิดการประชุมกับ ดร. วิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์
  • ระหว่างการเยือน รัฐมนตรีฯ จะมีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ อีกทั้งเตรียมการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568
  • นอกจากนั้น รัฐมนตรีฯ จะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยง Business Lunch ในวันที่ 22 ตุลาคม 2568 เพื่อหารือและโน้มน้าวให้ภาคเอกชนสิงคโปร์ขยายการลงทุนในไทยด้วย
  • การประชุม CSEP เป็นกลไกความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทย - สิงคโปร์ (Singapore - Thailand Enhanced Partnership: STEP) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 ทั้งยังเป็นเวทีสำหรับข้าราชการพลเรือนของทั้งสองประเทศให้ได้มีปฏิสัมพันธ์เชิงลึก และต่อยอดความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยสิงคโปร์เป็นประเทศเดียวที่ไทยมีความร่วมมือด้วยในลักษณะดังกล่าว

 

  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
  • รัฐมนตรีฯ จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและร่วมภารกิจของนายกรัฐมนตรีในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 23 - 28 ตุลาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
  • การประชุมครั้งนี้ขับเคลื่อนตามแนวคิดหลัก “Inclusivity and Sustainability” ของการเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซีย และติมอร์-เลสเตจะเข้าร่วมประชุม ในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นครั้งแรก
  • ในห้วงการประชุมดังกล่าว จะมีการประชุมระดับผู้นำรวม 13 รายการ โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธาน ซึ่งรวมถึงการประชุมสุดยอดอาเซียนแบบเต็มคณะและแบบไม่เป็นทางการ (retreat) การประชุมสุดยอดอาเซียนกับภาคีภายนอก 8 รายการ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย สหรัฐฯ นิวซีแลนด์ และสหประชาชาติ การประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS)
  • ไทยจะเน้น 4 ประเด็นหลัก โดยย้ำการเป็นผู้เล่นที่มียุทธศาสตร์ของไทยในการผลักดันสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนา ได้แก่
  1. การส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพ ผ่านการใช้กลไกที่มีอาเซียนมีบทบาทนำและสนับสนุน ASEAN Centrality
  2. การสร้างภูมิภาคที่มั่นคงปลอดภัย ผ่านการสนับสนุนให้อาเซียนเป็นประชาคมที่ส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ผ่านการแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดนในระดับภูมิภาค
  3. การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ผ่านการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึง และ
  4. การเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืน ผ่านการชูบทบาทไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ผลักดันความร่วมมือทั้งภายในอาเซียน และกับภาคีภายนอก
  • นอกจากนี้ คาดว่า การประชุมจะมีการหารือถึงสถานการณ์ภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ในเมียนมา ทะเลจีนใต้ ตะวันออกกลาง และรัสเซีย - ยูเครน

 

  1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุม APEC ครั้งที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี
  • รัฐมนตรีฯ จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีเขตเศรษฐกิจเอเปค (Asia Pacific Economic Cooperation: APEC) และร่วมภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (Asia Pacific Economic Cooperation) ครั้งที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2568
  • ในห้วงของการประชุมดังกล่าว รัฐมนตรีฯ และนายกรัฐมนตรีจะได้พบปะกับนักธุรกิจจากสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council: ABAC) รวมถึงจะใช้โอกาสนี้ในการพบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีและผู้นำเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมการประชุมด้วย
  • การประชุมผู้นำฯ จะมีการทบทวนผลการดำเนินงานและกำหนดทิศทางความร่วมมือในอนาคต โดยสำหรับปีนี้ การประชุมจะเกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของโลก ท่ามกลางความท้าทายจากเศรษฐกิจโลก ภูมิรัฐศาสตร์ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะเข้าร่วมอย่างสร้างสรรค์ เพื่อกำหนดทิศทางความร่วมมือของภูมิภาคในอนาคต
  • ไทยมีบทบาทนำในการกำหนดวิสัยทัศน์และขับเคลื่อนวาระสำคัญของภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงสานต่อผลลัพธ์จากการเป็นเจ้าภาพเอเปคปี 2565 เพื่อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่ประชาชนในภูมิภาค ทั้งนี้ ไทยมีความโดดเด่นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามแนวทางของเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG (Bangkok Goals on BCG Economy) ซึ่งถือเป็นแผนงานด้านความยั่งยืนฉบับแรกของเอเปค
  • ในปีนี้ สาธารณรัฐเกาหลี ในฐานะเจ้าภาพ ได้กำหนดหัวข้อหลัก “เสริมสร้างวันพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน” (Building a Sustainable Tomorrow) ผ่าน 3 แนวคิดสำคัญ ได้แก่ เชื่อมโยง-นวัตกรรม-ความรุ่งเรื่องร่วมกัน ( Innovate. Prosper.)
  • กรอบการประชุม APEC ประกอบด้วยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ มีประชากรรวมราว 2.95 พันล้านคน คิดเป็นร้อยละ 62 ของ GDP โลก และร้อยละ 48 ของการค้าโลก ทั้งนี้ สมาชิกเอเปคมีสัดส่วนมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยกว่าร้อยละ 70 สะท้อนถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของกรอบความร่วมมือนี้ต่อเศรษฐกิจไทย

 

  1. กระทรวงการต่างประเทศร่วมจัดโครงการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพุทธศาสนาในต่างประเทศ ช่วงกฐินกาลปี 2568
  • ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างดำเนินโครงการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพุทธศาสนาในต่างประเทศ ซึ่งเป็นโครงการด้านการทูตวัฒนธรรมและการทูตสาธารณะ มีวัตถุประสงค์เพื่ออาศัยพระพุทธศาสนาเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเสริมสร้างความเข้าใจอันดีในระดับประชาชน ตลอดจนเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยที่ทรงอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา
  • กระทรวงฯ เริ่มดำเนินการนี้ตั้งแต่ปี 2538 โดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในอาเซียนที่มีประชากรนับถือศาสนาพุทธ ก่อนจะขยายไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออก ตามลำดับ โดยได้ดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า 30 ปี รวม 190 ครั้ง ใน 13 ประเทศ
  • ในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 31 ของการดำเนินโครงการฯ รัฐมนตรีฯ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ มีกำหนดเป็นประธานเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ ที่ชุมนุมสงฆ์ซึ่งจำพรรษากาลถ้วนไตรมาส จำนวน 8 วัด ใน 8 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย เมียนมา มาเลเซีย ภูฏาน สปป. ลาว ศรีลังกา เวียดนาม และจีน ในช่วงกฐินกาลระหว่างเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 2568
  • ในวันที่ 18 ตุลาคม 2568 รัฐมนตรีฯ จะเป็นประธานเชิญผ้าพระกฐินไปทอดถวาย ณ วัดคึนเรย์ ป้อมทาชิโช กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน โดยถือเป็นหนึ่งของกิจกรรมในการส่งเสริมบรรยากาศและรักษาพลวัตรแห่งมิตรไมตรีที่ต่อเนื่องกับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ (State Visit) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา

 

สามารรับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/17S1GiFvXx/?mibextid=wwXIfr    

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ