สรุปการแถลงข่าวการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศในกรอบอนุสัญญาออตตาวา
เกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยกัมพูชา
โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 11.00 น.
ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ และทาง Facebook/TIKTOK LIVE กต.
- กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย การบรรยายฯ ดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมรับฟังประกอบด้วยเอกอัครราชทูตหรือผู้แทนจาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 67 คน
- นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเปิดการบรรยายฯ ผ่านวิดีโอคลิป โดยเน้นย้ำถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการบรรยายสรุปและชี้แจงให้ประชาคมโลกได้รับทราบความจริงที่ครบถ้วน เรื่องการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาที่กัมพูชาเป็นภาคี และความไม่ตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แม้ว่าฝ่ายไทยจะเสนอให้มีการเก็บกู้ร่วมกันในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยไทยยังคงมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ และข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด
- นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้สรุปผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 พร้อมชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการใช้ทุ่นระเบิดต่อความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยฝ่ายไทยได้เสนอให้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมไปถึงการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ร่วมกัน ซึ่งไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายกัมพูชา นอกจากนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ย้ำถึงความโปร่งใสในการดำเนินการของฝ่ายไทยที่ได้จัดให้คณะทูตลงพื้นที่สังเกตการณ์ผลกระทบจากการโจมตีแบบอย่างไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 และในวันที่ 16 สิงหาคม 2568 กระทรวงฯ จะจัดให้มีการลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อสังเกตการณ์เรื่องการใช้ทุ่นระเบิดโดยฝ่ายกัมพูชา
- พลโท ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม ได้ให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่วางโดยฝ่ายกัมพูชา นับตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี จนถึงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 พร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจและการใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบและเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทย และบทบาทของหน่วยปฏิบัติการฯ ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
- นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ได้ให้ข้อมูลความพยายามของไทยในการผลักดันให้ทั้งสองฝ่ายเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกัน แต่เหตุการณ์การเหยียบกับระเบิดโดยทหารไทยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เรื่องการกวาดล้างทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมไม่ใช่ประเด็นสำคัญของกัมพูชา โดยไทยได้ทำการประท้วงกัมพูชาในช่องทางทางการทูตต่าง ๆ และจะผลักดันเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และการประชุม GBC ที่จะมีขึ้น
- นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชา จากกรณีการลอบวางทุ่นระเบิด ตลอดจนการดำเนินการชี้แจง การนำเสนอข้อเท็จจริง และการประท้วงของไทยต่อกรณีข้างต้นในเวทีพหุภาคี
- ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญจากการบรรยายฯ ครั้งนี้ ได้แก่
- ประเทศไทยยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด รวมถึงพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวาในการกำจัดทุ่นระเบิดให้หมดไป ทั้งด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและด้านมนุษยธรรมสำหรับประชาชน โดยจนถึงปัจจุบัน ไทยได้เก็บกู้พื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดไปแล้วกว่าร้อยละ 99.5 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางกิโลเมตร และยังคงให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี
- ในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน ทหารไทยต้องเหยียบกับระเบิดที่วางโดยฝ่ายกัมพูชาแล้วรวม 5 ครั้ง เมื่อวันที่ 16 23 และ 28 กรกฎาคม และล่าสุด เมื่อวันที่ 9 และ 12 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ทุพพลภาพถาวร 5 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่าสิบคน โดยฝ่ายไทยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่บ่งชี้ว่า ทุ่นระเบิดที่พบในบริเวณชายแดนเป็นทุ่นระเบิดประเภท PMN-2 ที่ถูกนำมาวางใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่เป็นมรดกจากสงครามในอดีตตามที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง ในขณะที่ไทยไม่มีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในครอบครองแล้ว
- ประเทศไทยได้ดำเนินการประท้วงกัมพูชาในช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาออตตาวา หรือการมีหนังสือประท้วงไปยังเลขาธิการสหประชาชาติและประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยไทยประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ และเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตาวาที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคี อีกทั้งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่กำหนดให้ประเทศทั้งสองยุติการใช้อาวุธทุกชนิด รวมถึงทุ่นระเบิดสังหารบุคคลด้วย
- กัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงเรื่องการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ ตามที่ไทยเสนอในการประชุม GBC สมัยวิสามัญที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตใจและความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชา ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาและข้อตกลงหยุดยิงโดยทันที รวมถึงแสดงความจริงใจที่จะฟื้นฟูสันติภาพบริเวณชายแดน และหันกลับมาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน
- ประเทศไทยหวังว่า ประเด็นเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะได้รับการพิจารณาในการประชุม RBC และ GBC ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและการดำรงชีวิตของประชาชนบริเวณสองฝั่งชายแดน
- ในวันพรุ่งนี้ (16 สิงหาคม 2568) กระทรวงฯ พร้อมด้วยหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องจะจัดให้คณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา และผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคมที่มีภารกิจด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมทั้งสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสังเกตการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้จะนำหลักฐานเชิงประจักษ์ต่าง ๆ กลับไปพิจารณาทบทวนการให้ความช่วยเหลือแก่กัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างรอบคอบ รวมทั้งกดดันให้กัมพูชา ในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้
- ไทยยืนยันความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเขตแดนและความตึงเครียดต่าง ๆ กับกัมพูชาโดยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ อาทิ RBC GBC และ JBC และจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงด้วยความจริงใจและสุจริตใจ โดยไทยคาดหวังให้กัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในกลไกเหล่านี้เช่นกัน
- ไทยยังคงเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งนอกจากจะไม่สอดคล้องต่อเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงที่กำหนดให้งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอมแล้ว การกระทำดังกล่าวยังไม่เป็นผลดีต่อการสร้างภาวะที่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาและลดความตึงเครียดที่มีอยู่
สามารถรับฟังการแถลงข่าวย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/17QsqkgarR/
*********