สรุปการแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น.

สรุปการแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น.

วันที่นำเข้าข้อมูล 18 ส.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 18 ส.ค. 2568

| 18 view

สรุปการแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 18 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น.

ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงการต่างประเทศ และทาง Facebook/TIKTOK LIVE กต.

 

1. การลงพื้นที่เพื่อสังเกตการสถานการณ์ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ที่จังหวัดศรีสะเกษ

  • เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงฯ ร่วมกับผู้แทนกองทัพบกและกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด จาก 33 ประเทศ 1 องค์กร และ 2 องค์การ รวม 36 คน รวมถึงสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่งลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสังเกตการณ์พื้นที่จริงจากเหตุการณ์ลอบวางทุ่นระเบิดโดยฝ่ายกัมพูชาในดินแดนไทย โดยเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ที่กระทรวงฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568
  • คณะผู้แทนฯ ได้รับฟังการบรรยายสรุปจากรัฐมนตรีฯ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ผู้แทนกองทัพบก และผู้แทนกองทัพไทย ถึงข้อเท็จจริงและลำดับเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดในดินแดนไทย ทั้งยังเข้าสังเกตการณ์ภารกิจเกี่ยวกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในสถานที่จริงของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม และหน่วยทหารในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้เห็นหลักฐานการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชาในดินแดนไทย โดยคณะฯ ได้รับทราบข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมเห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ได้แก่ ทุ่นระเบิดที่ถูกลอบวางใหม่ ซึ่งทำให้ทหารไทยบาดเจ็บและทุพพลภาพ รวมถึงส่งผลกระทบต่อประชาชนและสังคมในระยะยาว
  • นอกจากนั้น คณะฯ ได้สังเกตการณ์บ้านเรือนประชาชนในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของฝ่ายกัมพูชา พร้อมทั้งรับทราบการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ทั้งจากทางราชการและภาคส่วนต่าง ๆ
  • การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อย้ำว่า กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดดังกล่าวในดินแดนไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย การกระทำของกัมพูชาขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตาวาที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคี อีกทั้งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่กำหนดให้ประเทศทั้งสองยุติการใช้อาวุธทุกชนิด รวมถึงทุ่นระเบิดสังหารบุคคลด้วย ตลอดจนเป็นการเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศพิจารณาทบทวนความช่วยเหลือที่ให้กัมพูชาในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และร่วมกันกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาที่มีความรับผิดชอบ

 

2. การดำเนินการของไทยต่อกรณีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยกัมพูชา

2.1 ภายใต้อนุสัญญาออตตาวา

  • นอกเหนือไปจากการมีหนังสือประท้วงโดยตรงไปยังกัมพูชาทุกครั้ง และการมีหนังสือไปยังมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงจากการวางทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชาแล้ว ในเวทีพหุภาคี เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวาและนครนิวยอร์ก ได้ทำงานอย่างแข็งขันขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้กรอบอนุสัญญาออตตาวาตั้งแต่เกิดเหตุ และในขณะนี้ ได้เพิ่มความเข้มข้นขึ้น
  • ฝ่ายไทยได้จุดชนวนกระบวนการทางการภายใต้กรอบอนุสัญญาออตตาวา ก่อนจะมีการประชุมรัฐภาคีฯ ในเดือนธันวาคม 2568 เพื่อชี้ชัดการละเมิดอนุสัญญาฯ ที่เกิดขึ้น และกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีของตน ผ่าน Committee on Cooperative Compliance
  • ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชาต่อคณะกรรมการฯ ดังกล่าว ซึ่งจะมีประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ จะเข้าร่วมอีกครั้งเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงและหลักฐานเพิ่มเติมของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
  • คณะกรรมการฯ ดังกล่าวเป็นกลไกของอนุสัญญาออตตาวาที่มีไว้เพื่อรัฐภาคี ซึ่งรวมถึงไทย ที่ถูกกระทำ สามารถนำเรื่องการละเมิดอนุสัญญาฯ เข้าไปรับการพิจารณาของคณะกรรมการฯ เพื่อสร้างแรงกดดันให้รัฐภาคีที่ละเมิดอนุสัญญาฯ ซึ่งในกรณีนี้ คือ ฝ่ายกัมพูชา ให้ต้องชี้แจงและปรับตัว

2.2  ในกรอบทวิภาคี

  • ไทยได้แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งที่กัมพูชาไม่รับข้อเสนอของไทยในการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regioanl Border Committee: RBC) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 และตามที่กัมพูชาโดยหน่วยงาน Cambodian Mine Action and Victim Assistance Authority (CMAA) แถลงเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (18 สิงหาคม 2568) โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ ซึ่งเป็นท่าทีที่ย้อนแย้งกับที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวก่อนหน้านี้ว่า ให้ความสำคัญกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม แต่กลับสร้างเงื่อนไขและปล่อยให้ยังคงมีอาวุธร้ายแรงเช่นนี้อยู่และถูกนำไปใช้ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นการไม่ให้ค่ากับชีวิตและความปลอดภัยของมนุษย์ที่เป็นพี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศ
  • นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังมีการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนเพื่อให้เกิดความสับสนโดยผู้อำนวยการของหน่วยงาน CMAA เกี่ยวกับการนำเสนอทุ่นระเบิดต่อคณะทูตในการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 ในการนี้ กระทรวงฯ ขอยืนยันอีกครั้งว่า ฝ่ายไทยได้นำเสนอทุ่นระเบิดที่ตรวจพบในทั้ง 2 ลักษณะ คือ ทุ่นระเบิดที่ยังไม่ได้นำไปติดตั้ง และทุ่นระเบิดที่ติดตั้งแล้ว รวมทั้งชิ้นส่วนของทุ่นระเบิดที่ได้ก่อให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสและทำให้ทหารไทยพิการ ซึ่งถูกเก็บกู้มาจากบริเวณที่ทหารกัมพูชาเคยวางกำลังอยู่อย่างครบถ้วน โดยไม่มีการบิดเบือนและการจัดฉากใด ๆ
  • การสื่อสารท่าทีของกัมพูชาในเรื่องนี้แสดงถึงความย้อนแย้งระหว่างหลักการและการกระทำอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ จะยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้กัมพูชากลับมาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ และดำเนินการต่อเนื่องทั้งในเวทีระหว่างประเทศ หรือโดยการนำประชาคมระหว่างประเทศมาพิสูจน์ข้อมูลและหลักฐานด้วยตนเอง

 

3. การลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว

  • วันนี้ (18 สิงหาคม 2568) ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2568 กองทัพไทยอยู่ระหว่างนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ Interim Observer Team (IOT) ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดสุรินทร์ คณะประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจาก 8 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย บรูไน สปป. ลาว อินโดนีเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รวม 14 คน
  • คณะฯ จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานในพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา รวมทั้งการขัดขวางการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ และจะได้เข้าสังเกตการณ์ในพื้นที่จริง เช่น พื้นที่ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด และสถานที่พลเรือนที่ถูกโจมตีจากฝ่ายกัมพูชา
  • การลงพื้นที่ครั้งนี้จะทำให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวได้เห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ด้วยตาตนเองที่ไม่มีการจัดฉาก และจะได้ช่วยเป็นกระบอกเสียงชี้แจงให้ประชาคมโลกรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา เพื่อกลบข่าวบิดเบือนหรือข่าวปลอมที่ฝ่ายกัมพูชาปล่อยออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

 

4. การลงพื้นที่ของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ

  • เมื่อวันที่ 11 - 14 สิงหาคม 2568 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทยได้อำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) ในการลงพื้นที่รับทราบข้อมูลความเสียหายของพลเรือนและผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา และการโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมายของฝ่ายกัมพูชา โดยคณะผู้แทน ICRC ได้เข้าสัมภาษณ์ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานีด้วย
  • การลงพื้นที่ของคณะกรรมการกาชาดฯ ในครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากการลงพื้นที่ครั้งแรกเพื่อตรวจเยี่ยมเชลยศึก 18 คน ที่สถานที่ควบคุมตัวในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความพร้อมให้ความร่วมมือที่ดีของไทยกับองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงความโปร่งใสและการตรวจสอบได้ของการดำเนินการของไทย ที่ยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ตลอดจนหลักปฏิบัติสากลต่าง ๆ
  • นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (18 สิงหาคม 2568) กระทรวงฯ และสภากาชาดไทยได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดปาฐกถา “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร” เกี่ยวกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11 ในหัวข้อ “การธำรงไว้ซึ่งความเป็นมนุษย์ในสงครามร่วมสมัย” โดยในปีนี้ ได้รับเกียรติจากนางมีรยานา สปอลยาริช เอ็กเกอร์ ประธาน ICRC มาแสดงปาฐกถาด้วย
  • งานปาฐกถา “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร” จัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี นับตั้งแต่ปี 2546 เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ และสำหรับไทยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่งในฐานะประเทศที่กำลังรับผลกระทบอย่างร้ายแรงจากการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

 

  • ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหากับกัมพูชาโดยสันติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และหวังว่า การประชุมต่าง ๆ ภายใต้กลไก RBC GBC และ JBC จะช่วยลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสู่การแก้ไขปัญหาในระยะต่อไป
  • ขณะที่กัมพูชามีการจัดฉากเหตุการณ์ นำเสนอข่าวปลอมและบุคคลสมมติ ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนใช้วิจารณญาณในการบริโภคข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและร่วมกันสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหาทางออกอย่างสันติ

 

สามารถรับฟังการแถลงข่าวย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/19LwxLkijR/?mibextid=wwXIfr  

 

* * * * *

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ