สรุปการแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568

สรุปการแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568

วันที่นำเข้าข้อมูล 19 ก.ย. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 19 ก.ย. 2568

| 445 view

สรุปการแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 19 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น.

ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK/Youtube LIVE กระทรวงการต่างประเทศ

 

  • พัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย - กัมพูชา คือ กรณีการประท้วงของประชาชนกัมพูชาบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และต่อมา ฝ่ายกัมพูชาได้ส่งหนังสือถึงผู้นำประเทศต่าง ๆ รวมถึงนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนขณะนี้ และเลขาธิการสหประชาชาติ
  • เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 มีกลุ่มคนกัมพูชามากกว่า 200 คนประท้วงและรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทยที่มีเป้าหมายเสริมความมั่นคง บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วในพื้นที่ของไทย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของไทยจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายไทยในหลายมาตรา ซึ่งในเรื่องนี้ กองทัพบกได้ชี้แจงและกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์แล้ว

 

ประเด็นแรก

  • นับตั้งแต่การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ที่เมืองปูตราจายา มาเลเซีย ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด
  • ไทยเห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นหมุดหมายสำคัญที่ปูทางไปสู่สันติภาพ ซึ่งนับตั้งแต่นั้น แม้เสียงปืนและเสียงระเบิดได้สงบลง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ฝ่ายกัมพูชายังคงทำการยั่วยุในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งขัดต่อเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง
  • เหตุการณ์ความวุ่นวายที่บ้านหนองหญ้าแก้วเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 เป็นผลจากการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชา โดยการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคงเป็นการดำเนินการในพื้นที่อธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของไทยได้แสดงความอดกลั้นอย่างสูงสุดต่อการยั่วยุดังกล่าวและใช้เวลาชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนกัมพูชา แต่ก็ไม่เป็นผล จนในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนของไทยจำเป็นต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล โดยใช้มาตรการที่ได้สัดส่วน มีความเหมาะสม และเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ยกระดับไปสู่ความรุนแรง
  • การปลุกระดมและยั่วยุให้ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงและก่อความไม่สงบของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าว เป็นการนำประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง

 

ประเด็นที่สอง

  • ทั้งไทยและกัมพูชาได้ให้คำมั่นต่อข้อตกลงหยุดยิงที่ปูตราจายาและร่วมพูดคุยเจรจาเพื่อได้มาซึ่งผลลัพธ์สำคัญจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) สองรอบที่ผ่านมา
  • ขณะเดียวกัน ไทยและกัมพูชาได้เลือกเส้นทางที่จะเดินหน้าต่อจากข้อตกลงสำคัญดังกล่าว เป็น 2 เส้นทางที่ต่างจากกันโดยสิ้นเชิง ระหว่างเส้นทางที่หนึ่ง คือ เส้นทางของความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสีย กับเส้นทางที่สอง คือ เส้นทางของความร่วมมือที่จะนำไปสู่สันติภาพ ซึ่งไทยเลือกที่จะเดินตามเส้นทางที่สองเพราะไทยมุ่งแสวงหาสันติภาพมาโดยตลอด
  • การวางรั้วลวดหนามหรือสิ่งกีดขวางในพื้นที่อธิปไตยของไทยบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วเป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะและเพื่อความปลอดภัยของประชาชนของทั้งสองฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินบนเส้นทางแรกที่จะนำไปสู่ความสูญเสีย และเป็นการเลือกเดินบนเส้นทางแห่งสันติภาพตามจิตวิญญาณของข้อตกลงหยุดยิงปูตราจายา
  • ไทยผิดหวังที่กัมพูชายังคงเลือกเดินบนเส้นทางแห่งความขัดแย้งและไม่ต้องการเห็นสันติภาพอย่างแท้จริง เพราะการดำเนินการของฝ่ายกัมพูชาในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการปลุกระดมประชาชนให้กระทำการต่อต้านเจ้าหน้าที่ของไทย การแถลงข่าวบิดเบือนความจริง หรือการที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชามีหนังสือร้องเรียนไปยังผู้นำประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ สะท้อนการเตรียมการจัดฉากล่วงหน้า สร้างสถานการณ์เพื่อนำไปฟ้องต่อประชาคมระหว่างประเทศ เป็นการดำเนินการที่ไม่สร้างสรรค์ และขาดความสุจริตใจของฝ่ายกัมพูชา
  • นอกจากนี้ การดำเนินการของฝ่ายกัมพูชาสวนทางกับจิตวิญญาณ (spirit) ของข้อตกลงหยุดยิงปูตราจายา ซึ่งย้ำการมีช่องทางการหารือทวิภาคีในทุกระดับและก็เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้ออกมาย้ำอีกครั้งเมื่อช่วงค่ำของเมื่อวาน (18 กันยายน 2568) ในการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ถึงความสำคัญของการคงช่องทางและกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยได้พยายามรักษามาโดยตลอด
  • ในเรื่องการร้องเรียนไปยังประชาคมระหว่างประเทศ นั้น ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตอบโต้เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงแล้วในทุกระดับและทุกเมื่อ โดยยึดหลักฐานเชิงประจักษ์และหลักการสากล เช่น ในกรณีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติล่าสุดที่กล่าวอ้างว่า ไทยขับไล่ชุมชนชาวกัมพูชาจากพื้นที่ไทยนั้น ฝ่ายไทยได้ชี้แจงมาโดยตลอดว่า การบริหารพื้นที่ดังกล่าวที่เป็นที่ลี้ภัยของฝ่ายกัมพูชาในอดีตเป็นการดำเนินการที่มีความชอบธรรม และการดำเนินการบนพื้นฐานของหลักการมนุษยธรรมร่วมกับองค์การสหประชาชาติมาโดยตลอด โดยไทยและกัมพูชาก็มีกลไกการหารือระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดของสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อคลี่คลายความเข้าใจผิดและประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ประเด็นที่สาม

  • ไทยมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งไทย - กัมพูชาโดยสันติวิธีบนพื้นฐานของกฎหมายไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และหลักการสากล โดยใช้ช่องทางและกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission: JBC) หรือคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) รวมถึงกลไกที่จัดตั้งหรือกำลังจะจัดตั้งขึ้นตามมติของที่ประชุม GBC หรือ RBC ที่ผ่านมา อาทิ การสื่อสารกันระหว่างนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน และศูนย์ทุ่นระเบิดของทั้งสองประเทศ
  • ไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมตามกลไกทวิภาคีที่กำลังดำเนินอยู่ข้างต้นและเวทีการประชุมระหว่างประเทศหลากหลายเวทีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่เมืองคยองจู จะเป็นโอกาสในการพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจของฝ่ายกัมพูชาในการแก้ไขปัญหา
  • ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ย้ายหนีไปจากกันไม่ได้ ดังนั้น ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความไว้เนื้อเชื่อใจนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายมีความจริงใจต่อกัน ซึ่งความจริงใจนี้เองเป็นพื้นฐานและจิตวิญญาณของข้อตกลงหยุดยิงปูตราจายา ที่จะนำทั้งสองประเทศไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน
  • ไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติพฤติกรรมตามเส้นทางของความขัดแย้ง รวมถึงการกระทำใด ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการลดความตึงเครียดและการหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ

 

สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/16Z4LEF1Xr/?mibextid=wwXIfr

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ