แถลงข่าวเรื่องพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 11 มิถุนายน 2568
แถลงข่าวเรื่องพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 11 มิถุนายน 2568
วันที่นำเข้าข้อมูล 12 มิ.ย. 2568
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 12 มิ.ย. 2568
| 158 view
การแถลงข่าวโดย รมว.กต. เกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กพช.
วันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568 เวลา 17.00-17.30 น.
ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK LIVE กต.
- วันนี้ มีการประชุมเตรียมการของฝ่ายไทยสำหรับการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดนไทย-กัมพูชา (Joint Boundary Commission: JBC) โดยก่อนที่จะมีการประชุมฯ รมว.กต. ได้เชิญท่านประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการฯ ฝ่ายไทยมามอบนโยบายในการเจรจา โดยย้ำหลักการสำคัญ 3 ประการ ดังนี้
- ประการที่หนึ่ง ฝ่ายไทยได้ดำเนินการเพื่อลดความตึงเครียดในพื้นที่แล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้น ขอให้ที่ประชุม JBC ขยายผลเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติและให้พื้นที่ชายแดนมีความสงบสุขอย่างยั่งยืน โดยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ได้แก่ JBC GBC และ RBC เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแก้ไขปัญหา
- ประการที่สอง การเจรจาจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเรื่องของเส้นเขตแดน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจที่ชัดเจนร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
- ประการที่สาม ซึ่งมีความสำคัญที่สุดคือ ฝ่ายไทยจะต้องยืนหยัดที่จะปกป้องอธิปไตยของไทย และไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดนโดยเด็ดขาด
- สหประชาชาติมีหลายกลไกที่ใช้แก้ปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ แต่มักจะขอให้ใช้กลไกทวิภาคี เนื่องจากเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากที่สุด โดยไทยยืนยันที่จะใช้กลไกทวิภาคีและมาตรการทางการทูตในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของสากล
- ขอยืนยันว่า ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ตั้งแต่ปี 2503 ดังนั้น เราจะแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี
- นับตั้งแต่เหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาบริเวณช่องบก จ. อุบลราชธานี นรม. ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศบูรณาการการทำงานกับกระทรวงกลาโหมในการหารือกับฝ่ายกัมพูชาทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายทหารกับมาตรการทางการทูตสอดรับกันอย่างมีประสิทธิภาพโดยขอให้มั่นใจถึงศักยภาพของกองทัพไทยในการบริหารสถานการณ์ในพื้นที่อย่างดีที่สุด
- เป้าหมายของการประชุม JBC ครั้งนี้ คือ เพื่อต่อยอดและขยายผลให้พื้นที่ที่ยังไม่กำหนดเขตแดนชัดเจนเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินกิจกรรมร่วมกันได้
* * * * *