แถลงข่าวเรื่องพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 7 มิถุนายน 2568

แถลงข่าวเรื่องพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 7 มิถุนายน 2568

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 มิ.ย. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 10 มิ.ย. 2568

| 983 view

แถลงข่าวเรื่องพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568

ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK LIVE กต.

 

1. สวัสดีครับพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน ผมขอเรียนข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้ครับ

2. ตามที่เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งฝ่ายไทยมีความจำเป็นต้องป้องกันตนเอง และปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยเป็นไปอย่างเหมาะสม ได้สัดส่วนและสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศและแนวปฏิบัติสากล

3. ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ฝ่ายไทยได้ใช้ความอดทนอดกลั้น และมุ่งแก้ไขสถานการณ์ด้วยสันติวิธี โดยเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาพยายามลดความตึงเครียดในพื้นที่และจำกัดความขัดแย้งให้อยู่เพียงจุดเกิดเหตุ โดยมีการพูดคุยหารือในทุกระดับ ทั้งระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกองทัพบกของทั้งสองประเทศ บนพื้นฐานของความสุจริต (in good faith) และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชาในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็เห็นพ้องแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี โดยผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้วมาโดยตลอด

4. ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศได้พบหารือกันที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยฝ่ายไทยย้ำอีกครั้งถึงความจำเป็นในการลดระดับความตึงเครียดบริเวณชายแดนและเสนอให้มีการปรับกำลังทหารให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติเดิมก่อนเกิดเหตุขัดแย้งเพื่อลดโอกาสการปะทะทางทหาร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ

5. อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายที่ฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธทันทีต่อข้อเสนอในการปรับกำลังและยังมีการเสริมกำลังทหารในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง และปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม MOU 2543 (ค.ศ. 2000) บนพื้นฐานของการเจรจาแบบสันติวิธี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดและทำให้สถานการณ์ในพื้นที่มีความเปราะบางมากยิ่งขึ้น การดำเนินการของฝ่ายกัมพูชาข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการขาดเจตนารมณ์และความจริงใจที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยในการที่จะลดและระงับความตึงเครียดที่มีอยู่เดิม และทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ

6. ดังนั้น เป็นไปตามมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 และเพื่อเป็นการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยแก่ประชาชนไทยตามแนวชายแดน ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องพิจารณาใช้มาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดน ไทย-กัมพูชา โดยที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็นผู้กำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข หรือเงื่อนเวลาที่จำเป็นและเหมาะสมในการผ่านแดนบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภท ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งความเข้มข้นของมาตรการดังกล่าวจะเป็นไปตามระดับความตึงเครียดของสถานการณ์อันเกิดจากความร่วมมือของฝ่ายกัมพูชาในการแก้ไขปัญหา

7. ขอย้ำว่า การดำเนินการของไทย มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรักษาความปลอดภัยของทั้งประชาชนไทยและกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน และความสงบเรียบร้อยตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยฝ่ายไทยจะคำนึงและระมัดระวังไม่ให้มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งด้านมนุษยธรรม

8. ฝ่ายไทยขอเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้ฝ่ายกัมพูชาลดระดับความตึงเครียดตลอดแนวชายแดนเพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์ลุกลามโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประชาชนทั้งสองฝ่ายตามแนวชายแดน

9. ฝ่ายไทยยืนยันความพร้อมที่จะใช้กลไกทวิภาคี โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดน (JBC) ไทย - กัมพูชา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ รวมถึงกลไกทวิภาคีอื่น ๆ ที่มีอยู่ เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสันติบนพื้นฐานของความเคารพและความจริงใจต่อกันเพื่อให้ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับไปสู่ความสงบสุขเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

* * * * *