สรุปผลการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔

สรุปผลการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔

วันที่นำเข้าข้อมูล 29 ก.ค. 2564

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 6,445 view

สรุปผลการแถลงข่าวประจำสัปดาห์

วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๐๐ น.

ผ่าน Facebook กระทรวงการต่างประเทศ

 

  • กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีกับนางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือน้องเทนนิส นักเทควันโดหญิงทีมชาติที่สามารถคว้าเหรียญทองในรุ่นน้ำหนัก ๔๙ กิโลกรัมในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ๒๐๒๐ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวได้เดินทางไป ชมการแข่งขัน พร้อมทั้งมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีจากนายกรัฐมนตรีและของที่ระลึกจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเไปส่งคณะที่ท่าอากาศยานเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยด้วย
  • กระทรวงการต่างประเทศขอส่งกำลังใจให้คณะนักกีฬาไทยทั้ง ๔๒ คน จาก ๑๖ ประเภทนักกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้

 

. การดำเนินการด้านการทูตวัคซีนของกระทรวงการต่างประเทศ

.๑ รัฐบาลสหราชอาณาจักรจะมอบวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ ของบริษัท AstraZeneca ให้แก่ไทย

  • เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย พร้อมด้วยว่าที่เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรฯ ได้เข้าพบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อมอบหนังสือแจ้งเรื่องการบริจาควัคซีนดังกล่าวให้แก่รัฐบาลไทย ๔๑๕,๐๔๐ โดส ทั้งนี้ การมอบวัคซีนดังกล่าวเป็นข้อริเริ่มของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และสะท้อนถึงความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นมิตรประเทศที่มีความร่วมมือกับไทยในมายาวนาน โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข อีกทั้งถือเป็นความสำเร็จจากความพยายามของรัฐบาลไทยในการดำเนินการการทูตเชิงรุกเพื่อจัดหาวัคซีน
  • สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยได้ลงนามร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรและสัญญาไตรภาคีร่วมกับบริษัท AstraZeneca เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ที่พิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวด้วย ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศกำลังประสานงานในเรื่องการขนส่งวัคซีนซึ่งมีกำหนดส่งถึงไทยในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๔

 

.๒ ความคืบหน้าการจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ ๑.๕ ล้านโดส จากสหรัฐฯ ถึงไทย

  • เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ วัคซีนดังกล่าวได้ถูกลำเลียงออกจากสหรัฐฯ แล้ว และมีกำหนดถึงไทยในช่วงเช้าของวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการจัดสรรไปยังกลุ่มเป้าหมายตามมติของที่ประชุมคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกัน
    โควิด-๑๙ กรณีวัคซีนไฟเซอร์เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
  • เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔ นางแทมมี่ ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ได้กล่าวระหว่างการสัมมนา New Opportunities for the U.S. -Thailand Alliance in the Indo-Pacific ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้จัดร่วมกับสถาบัน East-West Center และสถาบัน International Studies Center มหาวิทยารังสิต ว่า สหรัฐฯ มีเป้าหมายจะบริจาควัคซีนโควิด-๑๙ ให้ไทยรวม ๒.๕ ล้านโดส โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด
  • สำหรับกรณีที่มีข่าวระบุว่าไทยอาจเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อขอวัคซีนที่ยังไม่ได้ใช้และคงค้างของสหรัฐฯสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ตรวจสอบกับฝ่ายสหรัฐฯ และได้รับแจ้งว่า สหรัฐฯ ยังไม่มีมาตรการบริจาคหรือขายวัคซีนดังกล่าวต่อให้กับประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ดี สถานเอกอัครราชทูตฯ กำลังประสานงานกับบุคคลต่าง ๆ ของสหรัฐฯ เพื่อย้ำสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทย และขอให้สนับสนุนให้มีการส่งมอบวัคซีนที่หน่วยราชการไทยได้สั่งซื้อจากบริษัทต่าง ๆ ได้โดยเร็ว และกับทำเนียบประธานาธิบดีและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตลอดจนประธานสมาคมชุมชนไทย เพื่อช่วยผลักดันเรื่องนี้ต่อไป

 

. ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนให้ชาวต่างชาติในไทย

  • เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ อธิบดีกรมสารนิเทศและอธิบดีกรมการกงสุล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ เพื่อพบหารือกับ พญ. มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนฯ และประสานงานการให้บริการฉีดวัคซีนแก่กลุ่มชาวต่างชาติผู้สูงอายุที่อาศัยในกรุงเทพฯ และ ๕ จังหวัดปริมณฑลในเขตควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ (๑) ชาวต่างชาติที่มีอายุ ๗๕ ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถรับการฉีดวัคซีนแบบ Walk-in และ (๒) ชาวต่างชาติที่มีอายุ ๖๐-๗๔ ปี ซึ่งจะต้องลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านระบบลงทะเบียนของกรมการกงสุล
  • ล่าสุด มีชาวต่างชาติอายุเกิน ๖๐ ปี ลงทะเบียนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ ระหว่าง ๑๙-๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และผ่านเกณฑ์เข้ารับนัดหมายแล้ว ๒,๖๓๓ คน ทั้งนี้ กรมการกงสุลกำลังเร่งขยายบริการระบบการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อฉีดวัคซีนให้แก่ชาวต่างชาติ กลุ่มอายุอื่น ๆ ต่อไป

 

English version

Vaccination for foreign residents in Thailand

  • On 25 July 2021, Director-General of Department of Information and Director-General of Department of Consular Affairs visited the Central Vaccination Center, Bang Sue Grand Station to monitor and coordinate with the Director of the Central Vaccination Centre the inoculation services for foreign residents.
  • Currently, foreign residents aged 75 years and over residing in Bangkok and “dark-red” provinces can walk-in to receive a vaccine while foreign residents aged 60 to 74 are requested to pre-register online to avoid crowding. Registered individuals will be notified of appointment details including date and time (during 16.00-18.00 hrs daily) for vaccination via SMS/email.
  • During 19- 28 July 2021, there were 2,633 foreign residents aged 60 years and above registered and qualified for vaccination at Central Vaccination Center. The Department of Consular Affairs is preparing a pre-registration website for other age groups of foreign residents in Thailand to be launched at the earliest opportunity.

 

. การประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๑ ของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC)

  • รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนำเสนอรายงานการทบทวนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ระดับชาติ โดยสมัครใจ (Voluntary National Review: VNR) โดยย้ำว่า ทั่วโลกต้องระดมความคิดเพื่อหาทางรับมือกับความเหลื่อมล้ำซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นสืบเนื่องจากวิกฤตโควิด-๑๙ และการเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกดิจิทัล พร้อมนำวิสัยทัศน์ของไทยในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ความสมดุลของทุกสิ่ง” หรือ Balance of things รวมถึงความสมดุลระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม การกระจายรายได้ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม และความปลอดภัยสำหรับทุกคน โดยไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้และพัฒนาให้สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจ สีเขียว (Bio-Circular-Green Economy Model)
  • ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย ย้ำ (๑) การมุ่งเน้นแนวทางการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG (๒) การใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และลดความเหลื่อมทางดิจิทัล และ (๓) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
  • ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถ้อยแถลง ย้ำถึงความสำคัญของ ECOSOC ในฐานะกลไกหลักของสหประชาชาติด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงบทบาทในการตอบสนองวิกฤติโควิด-๑๙ อย่างมีประสิทธิภาพและบูรณาการ และความสำคัญของการระดมทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนจากภาคส่วนต่าง ๆ

 

. การเยือนไทยของรองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมาพันธรัฐสวิสอย่างเป็นทางการ ระหว่าง ๑ - ๓ สิงหาคม ๒๕๖๔

  • เป็นส่วนหนึ่งของการฉลองการครบรอบ ๙๐ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สวิส ในปี ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นโอกาสให้ได้หารือกระชับความร่วมมือ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข การลดก๊าซเรือนกระจก การศึกษา การค้าและการลงทุน
  • รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมาพันธรัฐสวิส มีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี รวมทั้งพบหารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ ฝ่ายสวิสยังได้นำเครื่องช่วยหายใจ ๑๐๒ เครื่อง และชุดตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ แบบเร็ว (Rapid Antigen Test) ๑.๑ ล้านชุด มามอบให้แก่ฝ่ายไทยด้วย โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยอธิบดีกรมยุโรป ได้เป็นผู้แทนไทยรับมอบที่ท่าอากาศยาน
  • รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะจะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-๑๙ ของฝ่ายไทยอย่างเคร่งครัด

 

. มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ในต่างประเทศ

สวีเดน

  • ระหว่างวันที่ ๒๖ กรกฎาคม – ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ ชาวไทยที่ประสงค์จะเดินทางจากไทยเข้าสวีเดนจะต้องเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้
    • ได้รับสถานะการพำนักระยะยาวในสวีเดน (UT)
    • มีครอบครัวเป็นชาวสวีเดน กรณีเด็ก ต้องอายุต่ำกว่า ๒๑ ปีและได้รับการตรวจลงตรา และแสดงใบแสดงถิ่นที่อยู่ กรณีมีคู่สมรสเป็นชาวสวีเดน ต้องแสดงใบทะเบียนสมรส
    • จำเป็นต้องมาเยี่ยมญาติที่ป่วยโดยต้องแสดงเอกสารจากแพทย์ สำหรับการเดินทางมาเยี่ยมญาติพี่น้อง ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้
    • เป็นผู้โดยสารที่เดินทางโดยเที่ยวบินผ่านสวีเดนไปยังประเทศอื่น โดยต้องไม่ออกจากสนามบิน
    • เป็นนักเรียน/นักศึกษาที่จะมาศึกษาที่สวีเดนซึ่งได้รับการตรวจลงตราแล้ว
    • เป็นแรงงานตามฤดูกาลในภาคเกษตรกรรม ป่าไม้และพืชสวน รวมถึงแรงงานเก็บผลไม้ป่าจากไทย
  • ผู้ได้รับการยกเว้นให้เดินทางเข้าสวีเดนได้ จะต้องแสดงผลตรวจโควิด-๑๙ ที่เป็นลบ อายุไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมง นับแต่เวลาตรวจจนเดินทางถึงสวีเดน โดยสามารถตรวจได้ทั้งวิธี Antigen และ RT-PCR
    • ผู้ที่อาศัยอยู่ในสวีเดน มี residence permit หรือเด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปีที่มาพบผู้ปกครองที่อาศัยอยู่ในสวีเดน ไม่ต้องตรวจโควิด-๑๙ มาก่อนเดินทาง
  • ผู้ได้รับการตรวจลงตราจากสถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย แต่ไม่ได้เดินทางก่อนวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และไม่เข้าข่ายผู้ได้รับการยกเว้นตามเงื่อนไขข้างต้น จะไม่สามารถเดินทางเข้าสวีเดนได้
  • สาธารณสุขสวีเดนแนะนำให้ทุกคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศตรวจโควิดอีกครั้งในวันที่ ๕ หลังเดินทางถึงสวีเดน รวมทั้งให้กักตัวเองโดยหลีกเลี่ยงการพบปะผู้อื่น ๗ วัน
  • รายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ government.se

สเปน

  • ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ผู้เดินทางเข้าสเปนจากไทยต้องได้รับการตรวจลงตราจากสถานเอกอัครราชทูตสเปนประจำประเทศไทย และเป็นผู้ที่เข้าเงื่อนไขดังนี้
    • เป็นพลเมืองสเปนและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
    • เป็นสมาชิกครอบครัวของพลเมืองสเปนและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่มีการจดทะเบียนรับรองถูกต้อง
    • ชาวต่างชาติที่มีบัตรผู้พำนักถาวรในสหภาพยุโรป
    • นักเรียนต่างชาติ
    • ชาวต่างชาติที่ทำงานประเภทใช้ความสามารถสูง อาทิ บุคลากรและนักวิจัยสาธารณสุข บุคคลที่ทำงานด้านการขนส่ง บุคลากรในองค์การระหว่างประเทศ และบุคลากรในหน่วยงานป้องกันภัยพลเรือน
    • ชาวต่างชาติที่เดินทางด้วยเหตุเร่งด่วนด้านมนุษยธรรมหรือเหตุผลด้านครอบครัว โดยรัฐบาลสเปนจะพิจารณาเป็นรายกรณี
  • นอกจากบัตรโดยสารเครื่องบินและหนังสือเดินทางพร้อมตรวจลงตราแล้ว ผู้เดินทางต้องมีเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
    • เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ โดยต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก WHO หรือ European Medicines Agency ของสหภาพยุโรป หรือ
    • ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ ที่เป็นลบ ด้วยวิธี RT-PCR ภายใน ๗๒ ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าสเปน หรือวิธี Rapid Antigen Test ภายใน ๔๘ ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าสเปน หรือ
    • เอกสารรับรองการหายป่วยโควิด-๑๙
  • ผู้เดินทางทุกคนต้องกรอกแบบฟอร์ม Health Control ที่ spth.gob.es แล้วนำ QR Code ที่ได้รับมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเดินทางเข้าสเปนด้วย

โครเอเชีย

  • โครเอเชียขยายระยะเวลามาตรการควบคุมเขตข้ามแดนไปจนถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ โดยมีคุณสมบัติ ดังนี้
    • ถือเอกสาร EU Digital COVID Certificate หรือใบรับรองจากสหภาพยุโรป ซึ่งแสดงว่าเป็นผู้ได้รับวัคซีนโควิด-๑๙ ครบจำนวนแล้ว หรือตรวจหาเชื้อได้ผลลบ หรือหายจากการติดเชื้อโควิด-๑๙ แล้ว
    • มีผลตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ เป็นลบ โดยหากเป็นแบบ RT-PCR ต้องมีอายุไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมง หรือ Antigen ต้องมีอายุไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมง
    • ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วไม่เกิน ๒๑๐ วัน
    • เป็นผู้เคยติดเชื้อโควิด-๑๙ และได้วัคซีนเข็มแรกแล้วภายใน ๖ เดือนจากวันเริ่มป่วย แต่ไม่เกิน ๒๑๐ วัน ก่อนเดินทางเข้าโครเอเชีย
    • เป็นผู้หายป่วยจากโควิดไม่เกิน ๖ เดือน และไม่น้อยกว่า ๑๑ วัน
    • เดินทางเข้าโครเอเชียจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรือเขตเชงเก้น ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๔๒ หลังได้รับวัคซีน Pfizer, Moderna หรือ Sputnik V เข็มแรก หรือระหว่างวันที่ ๒๒ - ๘๔ หลังรับวัคซีน AstraZeneca เข็มแรก
    • ผู้เดินทางจากแอฟริกาใต้ บราซิล และแทนซาเนีย ต้องแสดงผลตรวจ PCR และกักตัว ๑๔ วัน โดยสามารถลดเหลือ ๗ วัน หากผลตรวจ PCR เป็นลบ
    • ผู้เดินทางจากไซปรัส อินเดีย UK และรัสเซีย ต้องมีผลตรวจ PCR ไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมง หรือ Antigen ไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมง

ไอซ์แลนด์

  • ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผู้เดินทางเข้าไอซ์แลนด์จะต้องแสดงผลการตรวจเชื้อที่เป็นลบที่มีอายุไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมง ไม่ว่าจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้วหรือยังไม่ได้รับวัคซีนก็ตาม โดยผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จะต้องผ่านการตรวจเชื้อเมื่อเดินทางถึง กักตัว ๕ วัน และตรวจเชื้ออีกครั้งหลังการกักตัว ทั้งนี้ ยกเว้นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า ๑๖ ปี

บราซิล

  • บราซิลยังอนุญาตการเดินทางเข้าทางอากาศ แต่ต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-๑๙ แบบ RT-PCR ไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง โดยรัฐบาลได้ระงับเที่ยวบินที่มีต้นทางหรือแวะจอดในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์เหนือและแอฟริกาใต้ ในช่วง ๑๔ วันก่อนเดินทางเข้าบราซิล

 

. กลุ่มป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

  • เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๔ มีมติเห็นชอบการขึ้นทะเบียน “กลุ่มป่าแก่งกระจาน” เป็นมรดกโลก ภายใต้เกณฑ์ข้อ ๑๐ ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ โดยได้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากล (Outstanding Universal Values – OUV) ของผืนป่ากลุ่มป่าแก่งกระจาน และเล็งเห็นความมุ่งมั่นของไทยในการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และความพยายามผลักดันการขึ้นทะเบียนอย่างต่อเนื่องและแข็งขันในช่วง ๗ ปีที่ผ่านมา รวมทั้งการปฏิบัติตามข้อมติและข้อแนะนำของที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกอย่างครบถ้วน ได้แก่ การส่งเสริมการรับรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชนในการขึ้นทะเบียน และการปรับขอบเขตพื้นที่นำเสนอตามที่หารือกับเมียนมา
  • กระทรวงการต่างประเทศขอขอบคุณสถานเอกอัครราชทูตไทยที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ที่ได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว (อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ) ผู้แทนไทยในคณะกรรมการมรดกโลก ในการหาเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก ๒๐ ประเทศ
  • กระทรวงการต่างประเทศขอบคุณมิตรประเทศสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกที่ให้การสนับสนุน การขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานของไทย และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะทำงานร่วมกับศูนย์มรดกโลกในการดูแลรักษาแหล่งมรดกโลก และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารและอนุรักษ์พื้นที่ พร้อมทั้งพัฒนาความเป็นอยู่ของชุมชนในพื้นที่ต่อไป ตลอดจนมุ่งส่งเสริมแนวคิด “Sustainability of Things” หรือการปรับกระบวนทัศน์ในการดำรงชีวิตให้มีความยั่งยืนมากขึ้น เสริมสร้างสังคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และส่งเสริมความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

 

. ประชาสัมพันธ์

   ๗.๑ การจัดกิจกรรมบัวแก้วปันน้ำใจ สู้ภัยโควิด-๑๙

  • รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มีดำริให้กระทรวงการต่างประเทศจัดโครงการ “บัวแก้วปันน้ำใจ สู้ภัยโควิด-๑๙” เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ผ่านการแจกจ่ายอาหารช่วยเหลือชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อย
  • เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ นายเชิดเกียรติ อัตถากร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำอาหาร ๖๐๐ กล่องไปมอบให้ชุมชนใกล้เคียง และในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ กรมสารนิเทศนำอาหารกล่อง หน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ รวมทั้งสิ่งของช่วยเหลือต่าง ๆ ไปมอบให้ผู้อาศัยในชุมชนซอยสวนเงิน (ตรงข้ามโรงพยาบาลรามาธิบดี)

   ๗.๒ รายการ Spokesman Live!!! สัมภาษณ์นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ หัวข้อ “กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์  กับภารกิจการดูแลและบริการคนไทยในยุค New Normal” ในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๕.๓๐-๑๖.๐๐ น. ซึ่งจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโอกาสการค้าการลงทุนของไทยในเวียดนามและการจัดการกับการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ในเวียดนามด้วย ติดตามที่ Facebook “กระทรวงการต่างประเทศ” และ “Saranrom Radio”

   ๗.๓ รายการคุยกับทูต ซีซั่น ๒ สัมภาษณ์นายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. หัวข้อ “ความสัมพันธ์ไทย-เยอรมนี ผ่านสถาบันอาชีวศึกษาและระบบรางรถไฟ” ติดตามที่ Facebook “Saranrom Radio”

 

* * * * *

 

รับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/ThaiMFA/videos/244410060844430/?vh=e&extid=0

เอกสารประกอบ

ppt_แถลงข่าวประจำสัปดาห์_29_ก.ค._64.pdf