สรุปการแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 14.30 น.

สรุปการแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 14.30 น.

วันที่นำเข้าข้อมูล 28 ส.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 ส.ค. 2568

| 19 view

สรุปการแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 14.30 น.

ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK/Youtube LIVE กระทรวงการต่างประเทศ

 

  1. กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
  • ขอแสดงความเสียใจต่อทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องทุพพลภาพถาวรจากเหตุการณ์เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลประเภท PMN-2 ที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ขณะทำการลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในเขตแดนไทย ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ครั้งที่ 6 ที่เกิดความสูญเสียจากอาวุธร้ายแรงที่ไร้มนุษยธรรมนี้
  • ไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) อย่างชัดเจน อีกทั้งเป็นการละเมิดข้อตกหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง
  • จากเหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อได้ว่า ฝ่ายกัมพูชาน่าจะมีการวางแผนใช้ทุ่นระเบิดมาอย่างเป็นระบบตลอดพื้นที่แนวชายแดนเพื่อเจตนาคุกคามทำร้ายฝ่ายไทย โดยเฉพาะจุดเกิดเหตุอยู่ในเขตพื้นที่ภายในเส้นปฏิบัติการฝั่งไทย
  • ตามคำกล่าวของเจ้ากรมกิจการชายแดนทหารที่ว่า "ทุ่นระเบิดไม่ใช่หลักเขตแดน แต่เป็นอาวุธที่ไร้มนุษยธรรม ทำให้ทุพพลภาพและคร่าชีวิตผู้คนโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า" การลอบวางทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชาสะท้อนถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์และเป็นการกระทำที่ไร้อารยะ
  • เหตุการณ์ครั้งนี้ตอกย้ำความสำคัญและความจำเป็นที่ไทยจะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งสนับสนุนให้รัฐภาคีต้องแจ้งหากมีเหตุการณ์ทุ่นระเบิด และแจ้งให้ประชาคมโลกรับทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าวของกัมพูชา รวมถึงร่วมกันดำเนินการให้กัมพูชาหยุดการกระทำดังกล่าวทันที

 

  1. การเยือนนครเจนีวาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  • ขณะนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่นครเจนีวา เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์การลอบวางทุ่นระเบิดและการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยฝ่ายกัมพูชาให้นานาประเทศทราบ
  • เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 รัฐมนตรีฯ ได้เข้าพบหารือกับนางสาวอิชิกาวะ โทมิโกะ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจำการประชุมด้านการลดอาวุธ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 โดยมีนางสาวแคโรลีน-เมลานี เรกิมบัล หัวหน้าสำนักงานกิจการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office for Disarmament Affairs: UNODA) ณ นครเจนีวา เข้าร่วมการหารือด้วย อีกทั้งได้พบหารือกับเอกอัครราชทูตและผู้แทนของประเทศต่าง ๆ ในคณะกรรมการการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา (Committee on Cooperative Compliance) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ในกรอบอนุสัญญาฯ
  • รัฐมนตรีฯ ได้ยืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวา และแบ่งปันข้อมูลสำคัญและพัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การค้นพบทุ่นระเบิดใหม่ที่ฝ่ายกัมพูชาได้ลอบวางไว้ในพื้นที่อธิปไตยของไทย ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและทุพพลภาพจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 โดยฝ่ายไทยเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการทุกอย่างที่จะนำกัมพูชากลับสู่การปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ อย่างสมบูรณ์ในฐานะรัฐภาคีที่มีความรับผิดชอบ และร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
  • รัฐมนตรีฯ ยังได้ประกาศการเข้าร่วมของไทยในโครงการรณรงค์ของเลขาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการลดอาวุธเพื่อมนุษยธรรมและปฏิบัติการทุ่นระเบิด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันยาวนานของไทย ไม่จำกัดเพียงต่ออนุสัญญาออตตาวา แต่ยังรวมถึงการลดอาวุธเพื่อมนุษยธรรมและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศด้วย
  • นอกจากนี้ รัฐมนตรีฯ ได้เข้าพบหารือกับนางนาดา อัลนาชีฟ รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยได้ชี้แจงพัฒนาการล่าสุดในสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาเพิ่มเติมจากที่ไทยเคยมีหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่ฯ แล้ว 2 ฉบับ ร้องเรียนการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ และตราสารสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่สำคัญโดยกัมพูชา อาทิ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child: CRC) และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination against Women: CEDAW) ซึ่งรวมถึงการลอบวางทุ่นระเบิดในเขตไทย ซึ่งส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บสาหัสหลายราย และการใช้พลเรือน สตรี และเด็กเป็นแนวหน้าในการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าบริเวณชายแดน
  • รัฐมนตรีฯ ได้แสดงความยึดมั่นของไทยต่อข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย - กัมพูชา อีกทั้งเห็นพ้องกับรองข้าหลวงใหญ่ฯ ที่ได้แสดงความห่วงใยและตอกย้ำพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่กำหนดให้รัฐห้ามการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อการสงคราม รวมถึงแสดงความห่วงกังวลต่อการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนที่อาจทำให้เกิดการเผชิญหน้ามากขึ้น
  • ในวันนี้ (28 สิงหาคม 2568) รัฐมนตรีฯ จะพบหารือกับประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) เพื่อแจ้งถึงการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาเจนีวา ของฝ่ายกัมพูชา จากการโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมายต่อพลเรือนและสถานที่พลเรือน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนประชาชน โรงเรียน โรงพยาบาล หรือร้านสะดวกซื้อ จนเป็นเหตุให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน
  • ในห้วงการเดินทางไปราชการที่นครเจนีวาครั้งนี้ รัฐมนตรีฯ ได้ชี้แจงโดยละเอียดด้วยตนเอง เพื่อให้ประชาคมโลกได้รับรู้ว่า ประเทศไทยยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศและกติกาสากล รวมถึงดำเนินการต่าง ๆ ด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ ด้วยหลักฐานที่หนักแน่น ไม่กล่าวหาใครอย่างเลื่อนลอย จากนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา จะพิจารณาหลักฐานเชิงประจักษ์และเชิงวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ที่ไทยได้นำเสนอ ก่อนการดำเนินการตามกระบวนการอนุสัญญาฯ ต่อไป ซึ่งแม้จะใช้เวลา แต่การเคารพกฎกติกาและการดำเนินการด้วยความโปร่งใส เป็นสิ่งที่ไทยยึดถือและปฏิบัติ และความน่าเชื่อถือเหล่านี้ที่มาพร้อมกับความจริง จะทำให้ความผิดที่กัมพูชากระทำปรากฏชัดเจนขึ้น

 

  1. การดำเนินการของไทยในเวทีระหว่างประเทศอื่น ๆ
  • เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อนำส่งข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์เพิ่มเติมต่อกรณีการวางทุ่นระเบิดของกัมพูชา พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้ช่วยติดตามขอรับคำชี้แจงจากฝ่ายกัมพูชาต่อกรณีดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามข้อ 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาออตตาวา
  • ในวันนี้ (28 สิงหาคม 2568) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก มีกำหนดพบหารือกับเลขาธิการสหประชาชาติอีกครั้ง เพื่อชี้แจงพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน และติดตามการดำเนินการตามอนุสัญญาออตตาวาข้างต้น
  • นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกยังคงเดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริงและพัฒนาการล่าสุดของสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชาอย่างแข็งขัน ทั้งในเรื่องทุ่นระเบิดและการละเมิดอื่น ๆ ของฝ่ายกัมพูชา ต่อประเทศเจ้าบ้านและประเทศในเขตอาณา รวมถึงต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชนท้องถิ่น และชุมชนคนไทยในประเทศนั้น ๆ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 

  • ฝ่ายไทยยินดีที่ทหารของทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันในกรอบคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) 4 การประชุมในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมี 2 ประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญและผลักดันมาโดยตลอดถูกบรรจุอยู่ในเอกสารผลลัพธ์การประชุม (Agreed Minutes) ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยจะมีการติดตามรายละเอียดในการประชุม GBC ครั้งต่อไป ที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพในเดือนกันยายน 2568
  • ไทยยังคงยืนยันท่าทีในการแสวงหาทางออกโดยสันติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ อย่างไรก็ดี หากกัมพูชายังคงลอบวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทย และยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าบริเวณชายแดนอย่างต่อเนื่อง พฤติการณ์เช่นนี้จะเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการคลี่คลายความตึงเครียดที่ทั้งสองฝ่ายพยายามดำเนินการผ่านกลไกทวิภาคีของทั้งสองประเทศในช่วงนี้ จึงขอให้กัมพูชาปฏิบัติตามสิ่งที่กัมพูชาได้ออกมาแถลงและประกาศย้ำทุกวันที่จะยึดมั่นกลไกทวิภาคีและข้อตกลงหยุดยิงให้ได้ ด้วยความจริงใจและความสุจริตใจ

 

สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/16sQ3hniL5/?mibextid=wwXIfr

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ