รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกล่าวเปิดประชุมสภาที่ปรึกษากองทุน ESCAP Multi-Donor Trust Fund for Tsunami, Disaster, and Climate Preparedness in Indian Ocean and Southeast Asian Countries ครั้งที่ ๒๑ เน้นย้ำความสำคัญของการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือภัยสึนามิและภัยพิบัติทางธรรมชาติ และมอบเงินสนับสนุนกองทุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลไทย จำนวน ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ นายชุตินทร คงศักดิ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกล่าวเปิดการประชุมสภาที่ปรึกษากองทุน ESCAP Multi-Donor Trust Fund for Tsunami, Disaster, and Climate Preparedness in Indian Ocean and Southeast Asian Countries ครั้งที่ ๒๑ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ และมอบเงินสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเพิ่มเติมจำนวน ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นการยืนยันการสนับสนุนของไทยต่อกองทุนฯ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างระบบเตือนภัยสึนามิและภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาค

รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถึงความสำคัญของการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า และการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือภัยสึนามิและภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อชุมชนและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) สร้างความท้าทายเพิ่มเติมต่อการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมให้ประเทศต่าง ๆ จัดทำยุทธศาสตร์การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นภายใน พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อบรรลุเป้าหมายของกรอบเซนไดเพื่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๓ เนื่องจากการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเป็นหน้าที่ร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวเชิญชวนให้ประเทศอื่น ๆ และภาคเอกชนร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุน ESCAP Multi-Donor Trust Fund for Tsunami, Disaster, and Climate Preparedness in Indian Ocean and Southeast Asian Countries ซึ่งไทยริเริ่มจัดตั้งขึ้นภายหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิในมหาสมุทรอินเดียและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อปี ๒๕๔๗ และบริจาคเงินตั้งต้นกองทุนฯ จำนวน ๑๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (เอสแคป) เป็นผู้บริหารจัดการกองทุนฯ ทั้งนี้ กองทุนฯ ดำเนินโครงการต่าง ๆ แล้ว จำนวน ๒๙ โครงการ ซึ่งมีประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคมากกว่า ๒๐ ประเทศได้รับประโยชน์ อีกทั้งขยายขอบเขตการดำเนินงานให้ครอบคลุมประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก และสามารถพิจารณาโครงการที่ครอบคลุมภัยพิบัติประเภทอื่น ๆ นอกจากสึนามิ อาทิ อุทกภัย พายุไต้ฝุ่น