เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือกับคณะสมาชิกรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย สส. Beth Van Duyne พรรครีพับลิกัน รัฐเท็กซัส สส. Terri Sewell พรรคเดโมแครต รัฐแอละแบมา สส. Richard McCormick พรรครีพับลิกัน รัฐจอร์เจีย และ สส. Suhas Subramanyam พรรคเดโมแครต รัฐเวอร์จิเนีย พร้อมด้วยนาง Tami Overby รองประธานสถาบัน U.S. - Asia Institute ในโอกาสเดินทางมาประเทศไทยตามคำเชิญของกระทรวงฯ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ทั้งนี้ สส. McCormick และ สส. Subramanyam เป็นสมาชิกของ U.S. - Thai Alliance Caucus รัฐสภาสหรัฐฯ ด้วย

ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความสำคัญที่ให้กับความเป็นพันธมิตรและความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย - สหรัฐฯ โดยได้หารือแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีมายาวนานเกือบ 200 ปี และครอบคลุมความร่วมมือในมิติต่าง ๆ อย่างรอบด้าน โดยหารือถึงการกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกัน รวมถึงการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ อันเป็นประเด็นท้าทายที่ได้สร้างความเสียหายให้กับทั้งชาวไทยและอเมริกัน โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวถึงการดำเนินการของไทยในการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะขบวนการหลอกลวงออนไลน์และปัญหา scam centers ที่ตั้งอยู่ในกัมพูชา

ในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีต่างตอบแทน (reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯ ในขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯ สอบถามเกี่ยวกับนโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุนของไทย และเห็นว่า ไทยมีศักยภาพที่จะเป็นแหล่งลงทุนของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ทั้งยังหารือกันถึงความร่วมมือไทย - สหรัฐฯ ในระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค ซึ่งความร่วมมือต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นผลประโยชน์ที่สำคัญร่วมกันของทั้งสองประเทศ ซึ่งได้สร้างประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองฝ่าย รวมถึงมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างสันติภาพ ความมั่นคงและความมั่งคั่งในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยฝ่ายไทยได้ย้ำความพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดต่อไป

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์และการดำเนินการต่าง ๆ ของฝ่ายกัมพูชาที่ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทยและหลักบูรณภาพแห่งดินแดน อีกทั้งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและส่งผลต่อความเป็นปึกแผ่นของอาเซียน ซึ่งไทยไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลายเนื่องจากจะไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใด โดยไทยมุ่งมั่นที่จะหาทางออกโดยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งไทยดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ พร้อมทั้งขอให้ฝ่ายสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตรร่วมกันโน้มน้าวให้กัมพูชาดำเนินการตามการหยุดยิงและร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีต่อไป