๑. สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยจัดงานสัมมนา "Knowledge Bank Project 2015 : Biotech for Inclusive Growth"
เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ องค์การมหาชน จัดงานสัมมนา “Knowledge Bank Project 2015: Biotech for Inclusive Growth” ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเปิดการสัมมนา และนางศันสนีย สหัสสะรังษี รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศให้ข้อมูลเกี่ยวกับ "Thailand's Economic Diplomacy"
ในการสัมมนาดังกล่าว สำนักงานการค้าฯ ได้เชิญวิทยากรที่มีชื่อเสียงในแวดวงเศรษฐกิจ การแพทย์ และเทคโนโลยีชีวภาพของไต้หวัน ได้แก่ Professor Paul Hsu ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า และการบริหารจัดการนวัตกรรม Dr. Stanley Chang CEO ของบริษัท Medigen Biotechnology จำกัด หนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพชั้นนำของไต้หวัน Dr. Lian-Guo Dai ศัลยแพทย์กระดูก ผู้ก่อตั้งบริษัท Shinein Biotech จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำของไต้หวัน และ Professor Ming-Shi Chang จาก National Cheng Kung University นักวิจัยและพัฒนายาประเภทใหม่ ๆ และมีประสบการณ์ในด้านการพัฒนารายงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ โดยมีนายไพศาล หรูพาณิชย์กิจ ผู้อำนวยการกองนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ ภาควิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน ๗๐ กว่ารายเข้าร่วมรับฟัง
ไต้หวันมีพัฒนาด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่มีความก้าวหน้า โดยประสบความสำเร็จในการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ให้สามารถนำรายงานวิจัยมาต่อยอดทางธุรกิจและพัฒนาในเชิงพาณิชย์
สำนักงานการค้าฯ ได้จัดการสัมมนาภายใต้โครงการ Knowledge Bank Project ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๕๕ สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สาม โดยโครงการ Knowledge Bank Project มีวัตถุประสงค์เพื่อนำองค์ความรู้จากไต้หวันที่เหมาะสมกับการพัฒนาของไทยไปเผยแพร่แก่ภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศไทย ตามแนวทางการทูตเศรษฐกิจและการทูตวิทยาศาสตร์ของกระทรวงการต่างประเทศ
๒. ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย นำนักธุรกิจไต้หวันในสาขา Biotechnology สำรวจบรรยากาศการลงทุนและพัฒนาการด้าน Biotechnology ในประเทศไทย
ดร. เกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย นำนักธุรกิจไต้หวันในสาขา Biotechnology สำรวจบรรยากาศการลงทุนและพัฒนาการด้าน Biotechnology ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑ – ๔ กันยายน ๒๕๕๘ โดยดำเนินการร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน (บีโอไอ) ไทเป
ในการเยือนดังกล่าว ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานการค้าฯ ได้นำคณะนักธุรกิจไต้หวันเข้าเยี่ยมคารวะนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ และได้นำคณะนักธุรกิจไต้หวันเข้าเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ One Start One Stop Investment Center (ศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กรมศุลกากร การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ อุทยานวิทยาศาสตร์ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นอกจากนี้ ยังได้มีกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจอีกด้วย
อนึ่ง การนำนักธุรกิจไต้หวันเยือนไทยดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "Knowledge Bank Project 2015 : Biotech for Inclusive Growth" ซึ่งสำนักงานการค้าฯ ได้จัดการสัมมนาภายใต้โครงการ Knowledge Bank Project ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๕๕ สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สาม โดยโครงการ Knowledge Bank Project มีวัตถุประสงค์เพื่อนำองค์ความรู้จากไต้หวันที่เหมาะสมกับการพัฒนาของไทยไปเผยแพร่แก่ภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศไทย ตามแนวทางการทูตเศรษฐกิจและการทูตวิทยาศาสตร์ของกระทรวงการต่างประเทศ
๓. สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยจัดพิธีบวงสรวงศาลพระพรหม
เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยร่วมกับบริษัท นำเชา ซึ่งลงทุนในประเทศไทยมาเป็นเวลานาน ได้จัดพิธีบวงสรวงศาลพระพรหมขึ้นที่ Namchow Taoyuan Tourism Factory นครเถาหยวน โดยมี นายอัลเฟรด เฉิน ประธานกลุ่มบริษัท นำเชา และเป็นหนึ่งใน Friends of Thailand ในไต้หวัน นายเจิ้ง เหวินช่าน ผู้ว่าการนครเถาหยวน รวมทั้งทีมประเทศไทย สื่อมวลชน ผู้แทนบริษัทนำเที่ยวและสายการบินต่าง ๆ เข้าร่วมพิธี
ผู้อำนวยการใหญ่ฯ ได้กล่าวเปิดงาน รวมทั้งตอบคำถามสื่อมวลชนโดยสรุปว่า ไต้หวันและไทยมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาเป็นเวลานาน โดยนักท่องเที่ยวไต้หวันเดินทางไปประเทศไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางมาไต้หวันปีละประมาณ ๗ หมื่นคน และมีชาวไต้หวันอาศัยอยู่ในประเทศไทยประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ คน หรือ คิดเป็นร้อยละ ๒.๕ ของประชากรไต้หวันทั้งหมด ปัจจุบัน ไต้หวันมีมูลค่าการลงทุนในประเทศไทยมากเป็นอันดับที่ ๕ ของการลงทุนต่างชาติในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดและความเชื่อมโยงระหว่างไทยและไต้หวัน
ผู้อำนวยการใหญ่ฯ ยังได้กล่าวถึงศาลพระพรหมว่ามีความสำคัญต่อชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของบุคคลทุกสาขาอาชีพ ที่ต่างก็มากราบไหว้บูชาและขอพรจากพระพรหม ทั้งเรื่องงาน การเรียน ความรัก สุขภาพ ดังนั้น การตั้งศาลพระพรหมในไต้หวันจึงสามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวไทยในไต้หวันและผู้คนในละแวกดังกล่าวได้ นอกจากนี้ การบวงสรวงศาลพระพรหมยังทำให้ชาวไต้หวันได้เห็นถึงวัฒนธรรมของไทยอีกด้วย