สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์
โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 24 ตุลาคม 2568 เวลา 11.30 น.
ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK/Youtube LIVE กระทรวงการต่างประเทศ
- การประชุมสุดยอดอาเซียน สมัยที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง
- ระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีจะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน สมัยที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ภายใต้การเป็นประธานของมาเลเซีย ภายใต้แนวคิดหลัก “Inclusivity and Sustainability” โดยก่อนที่จะมีการประชุมระดับผู้นำ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคม 2568 ซึ่งรัฐมนตรีฯ ได้เดินทางถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์แล้ว เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา
- การประชุมสุดยอดอาเซียนจะเป็นเวทีการประชุมระหว่างประเทศครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีอนุทินฯ ซึ่งประเทศไทยจะแสดงบทบาทในฐานะ “ผู้เล่นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนา” โดยจะเน้น 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
- การส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพ – ประเทศไทยจะเสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียน (enhanced ASEAN centrality) โดยการขยายความร่วมมือกับหุ้นส่วนภายนอกผ่านกลไกอาเซียนตาม ASEAN Outlook on the Indo-Pacific
- การสร้างภูมิภาคที่มั่นคงปลอดภัย – ประเทศไทยจะส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์และการแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดนที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหลอกลวงทางออนไลน์ การค้ามนุษย์ มลพิษจากหมอกควัน โรคระบาด และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
- การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง – ประเทศไทยจะส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจในอาเซียนและการยกระดับความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ พร้อมทั้งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล โดยเร่งรัดการจัดทำกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน (Digital Economy Framework Agreement: DEFA) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
- การเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืน – ในฐานะผู้ประสานงานอาเซียนด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประเทศไทยจะผลักดันความร่วมมือทั้งภายในอาเซียนและกับภาคีภายนอก ในประเด็นความยั่งยืนต่าง ๆ อาทิ การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด การดำเนินการเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเงินสีเขียว
- นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า ที่ประชุมจะได้หารือถึงสถานการณ์ภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงสถานการณ์
ในเมียนมา ทะเลจีนใต้ ตะวันออกกลาง และรัสเซีย-ยูเครน
- สำหรับประเด็นเมียนมา ประเทศไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด จะแสดงบทบาทที่แข็งขันในการสนับสนุนกลไกต่าง ๆ ของอาเซียนเพื่อผลักดันการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมาให้มีความคืบหน้า รวมถึงแสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว อาทิ การส่งเสริมบทบาทของผู้แทนพิเศษของอาเซียนเรื่องเมียนมาให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- พัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
- สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะเป็นเรื่องหนึ่งที่ประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศภาคีภายนอกน่าจะให้ความสนใจในขณะนี้ เนื่องจากเป็นประเด็นที่ได้รับการติดตาม ซึ่งประเทศไทยย้ำท่าทีที่ชัดเจนมาโดยตลอดว่า เป็นประเด็นทวิภาคีทระหว่างงไทยกับกัมพูชา ซึ่งต้องหาทางออกร่วมกัน โดยมีพัฒนาการล่าสุดจากการประชุมที่สำคัญของกลไกทวิภาคี 2 รายการ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคม 2568 ที่จังหวัดจันทบุรี และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีการประชุมระหว่างฝ่ายเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่ายก่อนการประชุม GBC นี้ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ดังนี้
- ในการประชุมทั้งสองรายการดังกล่าว ที่ประชุมได้หารือและมีความคืบหน้าในรายละเอียดเกี่ยวกับ 4 ประเด็นที่ไทยผลักดันและเป็นผลประโยชน์ของไทยโดยตรง ได้แก่ (1) การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน (2) การเก็บกู้ทุ่นระเบิด (3) การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะออนไลน์สแกม และ (4) การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว
- ความคืบหน้าดังกล่าว ถือได้ว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในการดึงให้กัมพูชากลับเข้าสู่โต๊ะเจรจากับไทยอย่างเต็มตัว ในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของไทย ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การลงนามเอกสารคำประกาศ/คำแถลงที่จะนำไปสู่สันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชาในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน โดยจะมีสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน
- การลงนามเอกสารดังกล่าวที่กำลังมีการเตรียมการ เป็นผลจากการหารือ 4 ฝ่าย ระหว่าง ไทย-กัมพูชา-มาเลเซีย-สหรัฐอเมริกา ที่มีมาแล้วรวม 3 ครั้ง โดยครั้งที่หนึ่งเกิดขึ้นในห้วงการประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก และครั้งที่สองและสามเกิดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ในห้วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมีสหรัฐอเมริกาและมาเลเซียเป็นผู้ช่วยประสานงาน (coordinating country) และเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ (observer)
- ประเด็นแผนที่ 1:200,000 ตามที่ปรากฏในข้อความในโซเชียลมีเดียของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่า การเจรจาหารือในที่ประชุม JBC สมัยวิสามัญ ที่เสร็จสิ้นไป เป็นการดำเนินการบนพื้นฐานของการสำรวจหาหลักเขตแดนเดิมร่วมกันที่มีอยู่แล้ว ไม่ได้มีการหารือหรือเกี่ยวข้องกับประเด็นแผนที่ 1:200,000 แต่อย่างใด โดยไทยจะยืนหยัดในอธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ
- สำหรับประเด็นเรื่องการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศขอย้ำตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้แถลงข่าวไปแล้วว่า ฝ่ายไทยจะเริ่มดำเนินการสร้างรั้วชายแดนในบริเวณที่มีความชัดเจนของเส้นเขตแดนแล้วโดยรั้วดังกล่าวจะอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย เพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ตลอดจนเพื่อป้องกันภัยคุกคามข้ามแดนระหว่างทั้งสองประเทศ
- โดยสรุป กลไกทวิภาคีกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี มีความคืบหน้า และมีพัฒนาการที่มีรูปธรรม โดยฝ่ายไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะสามารถดำเนินการเจรจาหารือต่อไปด้วยความจริงใจและสุจริตใจ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ต่อไป
สามารรับชมย้อนหลังได้ที่: https://www.facebook.com/ThaiMFA