สรุปการแถลงข่าวระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง
โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลา 16.30 น.
ณ ศูนย์การประชุมกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
- ตามที่ได้มีประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต เมื่อคืนวันที่ 24 ตุลาคม 2568 กระทรวงการต่างประเทศได้รับทราบด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมา พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการต่างประเทศของไทย ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความอาลัยของประชาชนไทยทุกหมู่เหล่า
1.ผลการหารืออย่างไม่เป็นทางการแบบขยายเรื่องเมียนมา
- เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าร่วมการหารืออย่างไม่เป็นทางการแบบขยาย (Extended Informal Consultation: EIC) เรื่องเมียนมา ภายใต้การนำของรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โดยไม่มีผู้แทนจากเมียนมาเข้าร่วม
- ที่ประชุมได้หารืออย่างกว้างขวางถึงแนวทางการดำเนินการต่อสถานการณ์ในเมียนมา โดยทุกประเทศยังคงผลักดันการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อในเรื่องเมียนมาให้มีความคืบหน้า และสนับสนุนการหารือที่ครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายในเมียนมา รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการมีท่าทีร่วมของอาเซียนต่อการเลือกตั้งในเมียนมาที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้
- ขณะเดียวกัน หลายประเทศรับทราบบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยต่อสถานการณ์ในเมียนมา โดยเฉพาะการผลักดันประเด็นสำคัญ เช่น การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อเมียนมาเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและปูพื้นฐานไปสู่การมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม
- ที่ประชุมยังได้หารือถึงแนวทางการปรับปรุงการทำงานของกลไกผู้แทนพิเศษ (Special Envoy) เรื่องเมียนมา อาทิ การขยายอาณัติของผู้แทนพิเศษฯ ให้มากกว่า 1 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความต่อเนื่องในการทำงาน
2. การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
- เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 ตุลาคม 2568 รัฐมนตรีฯ ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Foreign Ministers’ Meeting: AMM) ซึ่งที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
- การเสริมสร้างประชาคมอาเซียน ที่ประชุมแสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันการเสริมสร้างประชาคมอาเซียนภายใต้วิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการธำรงไว้ซึ่งความเป็นแกนกลางของอาเซียน ในฐานะกลไกหลัก ที่จะนำไปสู่การแก้ไขวิกฤตต่าง ๆ ได้อย่างสันติ ครอบคลุม และยั่งยืน
- สถานการณ์ในเมียนมา ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินการตามฉันทมติ 5 ข้อ (Five-Point Consensus) กระบวนการสันติภาพในเมียนมา และการเลือกตั้งในเมียนมาในเดือนธันวาคม 2568 โดยอาเซียนยืนยันความมุ่งมั่นที่จะยึดมั่นในฉันทามติ 5 ข้อ ให้เป็นกรอบหลักในการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา การสนับสนุนการประสานงานอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกต่าง ๆ ของอาเซียน รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือกับศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (AHA Centre) เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมา อย่างไรก็ดี สำหรับประเด็นบทบาทและการขยายวาระการดำรงตำแหน่งของผู้แทนพิเศษอาเซียนเรื่องเมียนมา หลายประเทศได้สนับสนุนในหลักการแต่ยังคงต้องมีการหารือในรายละเอียดต่อไป โดยรัฐมนตรีฯ ได้ย้ำความสำคัญในการสนับสนุนบทบาทของผู้แทนพิเศษฯ โดยเฉพาะประเทศที่เป็น troika และคุณสมบัติของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนี้
- ความสัมพันธ์กับภาคีภายนอก ที่ประชุมย้ำความสำคัญของการเสริมสร้างเอกภาพและความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการดำเนินความร่วมมือกับหุ้นส่วนภายนอกผ่านกลไกต่าง ๆ ที่อาเซียนเป็นผู้ริเริ่มและนำ (ASEAN-led mechanisms) ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้หารือถึงคำขอสมัครเป็นคู่เจรจาและการสมัครเป็นอัครภาคีสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) นอกจากนี้ อาเซียนยังได้ต้อนรับติมอร์-เลสเตเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ด้วย
- ในส่วนของไทย รัฐมนตรีฯ ย้ำประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญหลัก ๆ ว่า อาเซียนจำเป็นต้องเสริมสร้างเอกภาพและความเป็นแกนกลางของอาเซียน โดยยึดมั่นในระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนกติกา (rules-based international order) ตามแนวทางของ TAC ซึ่งคุณค่าและหลักการของ TAC ยังคงเป็นแกนสำคัญของโครงสร้างความมั่นคงระดับภูมิภาคและเป็นหัวใจของความเป็นแกนกลางของอาเซียน
- สำหรับการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา ไทยเน้นย้ำในประเด็นหลัก 4 ข้อ ได้แก่
- ความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่การหารืออย่างครอบคลุมและสันติภาพในเมียนมา
- ผลักดันให้มีการหารือระหว่างกลุ่มต่าง ๆ อย่างครอบคลุม เพื่อให้การเลือกตั้งทั่วไปในเมียนมาในเดือนธันวาคม 2568 มีความเสรี ยุติธรรม และโปร่งใส ให้มากที่สุด และควรมีการหารืออย่างต่อเนื่องไปจนถึงหลังการเลือกตั้งสิ้นสุดด้วย เพราะนี่คือองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการสันติภาพ
- ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์ ทั้งภายในอาเซียนเอง ระหว่างผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียในเมียนมา ประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศคู่เจรจาภายนอก และ
- เสริมสร้างประสิทธิภาพและความต่อเนื่องให้กับกลไกผู้แทนพิเศษของอาเซียนเรื่องเมียนมา
สามารถรับฟังการแถลงข่าวย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=0BK_QQTvCeg