สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น.

สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น.

วันที่นำเข้าข้อมูล 12 ก.ย. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 12 ก.ย. 2568

| 200 view

สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์

โดยอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

วันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น.

ณ ห้องแถลงข่าว และทาง Facebook/TIKTOK/Youtube LIVE กระทรวงการต่างประเทศ

 

  1. ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568
  • การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ที่จังหวัดเกาะกง กัมพูชา เพิ่งสิ้นสุดไปเมื่อวันพุธที่ 10 กันยายน 2568 โดยมีพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานร่วมฝ่ายไทย กับท่านเตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา

  • กระทรวงการต่างประเทศยินดีต่อผลการประชุม GBC ครั้งนี้ โดยทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงและได้เห็นชอบร่วมกันในหลายประเด็นที่ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญ โดยเฉพาะประเด็นที่ฝ่ายไทยผลักดันมาโดยตลอด ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ (สแกมเมอร์)

  • ในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม จะมีการตั้งคณะประสานงานร่วมภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและกำหนดพื้นที่นำร่อง โดยจะเริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน

  • ในส่วนของการปราบปรามออนไลน์สแกม ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้งสองฝ่ายหารือและจัดตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกัน โดยฝ่ายไทยได้ส่งมอบข้อมูลและพิกัดที่ตั้งของศูนย์สแกมเมอร์กว่า 60 แห่งในกัมพูชาให้ฝ่ายกัมพูชาแล้ว และจะมีการประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้ ในวันที่ 16 กันยายนที่จะถึงนี้ ที่จังหวัดสระแก้ว

  • นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือประเด็นอื่น ๆ ที่จะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อความมั่นคง ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศในบริเวณชายแดน ได้แก่

    • การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ ตามกรอบเวลาที่จะกำหนดโดยฝ่ายเลขานุการของ GBC และฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ซึ่งจะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ การบรรลุข้อตกลงข้อนี้มีความสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัย และจะช่วยให้พี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนมีความมั่นใจในการดำรงชีวิตประจำวันอย่างปกติ

    • การบริการจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission: JBC) หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว และให้ RBC กำหนดแนวทางการบริหารจัดการโดยคำนึงถึงผลการหารือในกรอบ JBC โดยระหว่างนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย จะร่วมกันบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อย

    • การลดวาทกรรมยั่วยุ ที่ประชุมเห็นความสำคัญของการหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ข่าวปลอม การกล่าวหา และวาทกรรมที่สร้างความเสียหาย ทั้งในช่องทางที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อลดความตึงเครียดและความรู้สึกด้านลบของสาธารณชน รวมทั้งเพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาโดยสันติวิธี และ

    • การผ่อนปรนให้มีการผ่านแดนบางประเภทและบางจุด ที่ประชุมได้มอบหมายให้กลไก RBC หารือความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนให้มีการขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดน โดยเริ่มจากจุดที่มีความตึงเครียดหรือมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงน้อยที่สุด ทั้งนี้ จุดประสงค์หลัก คือ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการการค้าชายแดนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อไปได้ อย่างไรก็ดี ตามที่ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมชี้แจงก่อนหน้านี้ ขณะนี้ ยังไม่มีการเปิดด่านและจะไม่มีการผ่อนปรนให้ขนส่งสินค้าใด ๆ หากไม่มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในเรื่องการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน การร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ ในระดับที่สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันได้

  • การหารือ GBC สมัยพิเศษครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จในการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกลไก GBC RBC หรือ JBC อย่างไรก็ดี สิ่งที่จะทำให้การเจรจาครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง คือ ความจริงใจในการปฏิบัติตามข้อตกลงของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งจะต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดต่อไป

  • การประชุม GBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปมีกำหนดจะจัดขึ้นภายใน 30 วันหลังจากนี้ โดยมีฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ

  • ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา โดยสันติวิธีและอย่างยั่งยืนผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน รวมทั้งความมั่นคง ปลอดภัย และความอยู่ดีกินดีของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน เป็นเป้าหมายสูงสุด

 

  1. สถานการณ์ความไม่สงบในเนปาลและเหตุการณ์ในกาตาร์ และการคุ้มครองดูแลคนไทยของสถานเอกอัครราชทูตไทย
  • ตามที่มีข่าวสถานการณ์ความไม่สงบในเนปาล สืบเนื่องจากระดับความไม่พอใจของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะภายหลังมาตรการห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ของรัฐบาลเนปาล ซึ่งได้นำไปสู่การชุมนุมประท้วงต่อต้านการทุจริต โดยกลุ่มเยาวชน Gen Z ที่ส่งผลให้ทางการเนปาลบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เกิดความเสียหายและเสียชีวิต ทำให้นายกรัฐมนตรีของเนปาลประกาศลาออกจากตำแหน่ง และในที่สุด ทางการเนปาลมีคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน และประกาศเคอร์ฟิวจนถึงวันที่ 13 กันยายน 2568 เวลา 06.00 น.

  • ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ ได้ติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด และออกประกาศเตือนคนไทยอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ โดยที่มีการประกาศเคอร์ฟิว สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงมีความจำเป็นต้องปิดทำการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน เป็นต้นมา โดยให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจากบ้านมาโดยตลอด และเมื่อทางการเนปาลประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว สถานเอกอัครราชทูตฯ จะกลับมาเปิดทำการทันที

  • ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมมาตรการช่วยเหลือคนไทยในกรณีจำเป็น โดยขณะนี้ คนไทยที่อาศัยอยู่ในเนปาล ทั้งที่พำนักชั่วคราวและถาวร รวมประมาณ 100 คน ยังปลอดภัยดี และสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดต่อกับกลุ่มคนไทยอยู่อย่างสม่ำเสมอ

  • เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 สนามบินนานาชาติตรีภูวันได้กลับมาเปิดทำการอีกครั้งตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนเนปาล ขณะที่สายการบินต่าง ๆ เริ่มกลับมาทำการบินตามปกติ โดยประชาชนไทยที่ประสงค์จะเดินทาง กรุณาติดต่อสายการบินของท่านเพื่อยืนยันตารางเที่ยวบินก่อนออกเดินทางไปสนามบินอีกครั้ง

  • ในกรณีฉุกเฉิน ประชาชนไทยในสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ตามหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน +977 9818749944 ตลอด 24 ชั่วโมง (โดยสามารถขอ LINE ID เพื่อติดต่อผ่าน LINE ต่อไปได้) หรือผ่าน Facebook ของ Royal Thai Embassy in Kathmandu

  • ตามที่มีข่าวสถานการณ์ความไม่สงบในกาตาร์ ซึ่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 กองทัพอิสราเอลได้โจมตีอาคารที่เชื่อว่าเป็นที่ทำการของกลุ่มฮามาสซึ่งตั้งอยู่กลางย่านชุมชน โรงเรียน และที่ทำการสถานทูตต่าง ๆ กลางใจกรุงโดฮา และห่างจากสถานเอกอัครราชทูตไทยเพียงประมาณ 600 เมตร

  • ภายหลังเกิดเหตุการณ์ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา ได้ออกประกาศให้คนไทยทันที เพื่อไม่ให้ตื่นตระหนก และขอให้เพิ่มความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง รวมถึงติดตามข่าวสารจากทางการกาตาร์และสถานเอกอัครราชทูตฯ อย่างใกล้ชิด

  • ขณะนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวสงบลงแล้ว และยังไม่มีเหตุการณ์บานปลายแต่อย่างใด ปัจจุบัน มีคนไทยอาศัยอยู่ในกาตาร์ประมาณ 4,000 คน ซึ่งไม่ปรากฏรายงานข่าวว่ามีคนไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ข้างต้น

  • ในกรณีฉุกเฉิน ประชาชนไทยในสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ตามหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน+974-3380-9062 ตลอด 24 ชั่วโมง ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected] และ [email protected] และ Facebook ของ Royal Thai Embassy Doha
  1. ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน The Colours of Africa 2025
  • กระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมจัดงาน The Colours of Africa ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 8 - 9 กันยายน 2568 บริเวณ Central Court ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีนายดุสิต เมนะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีเปิด และมีคณะเอกอัครราชทูตแอฟริกาประจำประเทศไทย กงสุลกิตติมศักดิ์แอฟริกาประจำประเทศไทย และหน่วยงานภาคเอกชน ประกอบด้วยสายการบินเคนยาแอร์เวย์ สายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนในการจัดงานด้วย

  • ภายในงาน มีการจัดกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การแสดงประสานเสียงโดยเยาวชนระดับมัธยมต้นจากโรงเรียนที่ได้รับรางวัลจากกระทรวงฯ และการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดประจำชาติแอฟริกา โดยผู้แทนกระทรวงฯ สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์แอฟริกาประจำประเทศไทย

  • นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดง Exhibition Booths เพื่อประชาสัมพันธ์ด้านการค้า การลงทุน วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ตลอดจนการแสดงดนตรีและวัฒนธรรมแอฟริกา การสาธิตการทำอาหาร กิจกรรมจับรางวัลบัตรโดยสารเครื่องบิน และการแข่งขันต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับภูมิภาคแอฟริกา โดยนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงการจัดแสดงภาพวาดในหัวข้อ “Africa in my impression” ด้วย

  • กิจกรรมทั้งหมดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับภูมิภาคแอฟริกา เปิดมุมมองใหม่ให้แก่สาธารณชนและเยาวชนไทย พร้อมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีและความร่วมมือระหว่างไทยกับแอฟริกาให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

  • นอกจากนี้ กระทรวงฯ จะจัดการสัมมนาเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในแอฟริกาและการท่องเที่ยวแอฟริกา ในวันที่ 22 กันยายน 2568 เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการลงทุนในแอฟริกา โดยเรียนรู้จากผู้ประกอบการไทยที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จในการสร้างฐานธุรกิจในภูมิภาคต่อไปด้วย สำหรับผู้สนใจ กระทรวงฯ จะประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป

 

สามารรับชมย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/1AbW6GSBHk/?mibextid=wwXIfr

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ