สรุปผลการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

สรุปผลการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ วันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

วันที่นำเข้าข้อมูล 4 พ.ย. 2565

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 4 พ.ย. 2565

| 8,668 view

สรุปการแถลงข่าวประจำสัปดาห์
วันพฤหัสบดีที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๕ เวลา ๑๑
.๓๐ น.

ณ ห้องประชุมกรมสารนิเทศ และทาง Facebook Live กระทรวงการต่างประเทศ

 

๑. การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๔๐ และ ๔๑ ที่กรุงพนมเปญ (๑๐ - ๑๓ พ.ย. ๒๕๖๕)

  • พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๔๐ และ ๔๑
    ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องรวม ๑๖ รายการ ประกอบด้วย การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๔๐ และ ๔๑ การประชุมสุดยอดกับคู่เจรจา (จีน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย สหรัฐฯ แคนาดา) และสหประชาชาติ รวมทั้งการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม และ
    การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก นอกเหนือจากการประชุมสุดยอดข้างต้น กัมพูชาจะจัดให้ผู้นำพบหารือกับภาคส่วนต่าง ๆ ของอาเซียน ได้แก่ ผู้แทนรัฐสภา เยาวชน และภาคธุรกิจ รวมทั้งจัดการประชุม ASEAN Global Dialogue ครั้งที่ ๒
  • Key Message ของไทยคือ "สร้างปัจจุบันให้แข้มแข็ง ร่วมแรงสู่อนาคต เคารพวิถีอาเซียน" โดยประเด็นสำคัญที่ไทยจะหยิบยกและผลักดัน ดังนี้

(๑) การเสริมสร้างประชาคมอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทายร่วมกัน โดยได้จะเน้นการสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุข การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจผ่านกลไก RCEP และความตกลงการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือดิจิทัลและนวัตกรรม โดยพัฒนาขีดความสามารถและทักษะของผู้ประกอบการ startup และ MSMEs

(๒) การสร้างโอกาสสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน โดยผลักดันการสร้างความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน
การดำเนินอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นแนวทาง นอกจากนี้ เน้นการสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านความยั่งยืนผ่านกลไกที่มีกับประเทศคู่เจรจา รวมทั้งการสร้างพลังให้แก่ประชาชนโดยส่งเสริมวาระของประชาชน

(๓) การรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค โดยเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและภาคีภายนอก โดยเฉพาะการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบรอบด้านระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ และอินเดีย ไทยประสงค์ที่จะสร้างดุลยภาพทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค โดยเน้นการสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาความร่วมมือ

(๔) ประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมที่สำคัญที่อาเซียนจำเป็นต้องรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการจัดการประเด็นต่าง ๆ อาทิ เมียนมา สถานการณ์ในยูเครน ทะเลจีนใต้ คาบสมุทรเกาหลี

  • คาดว่าในการประชุมครั้งนี้จะมีการรับรองเอกสารผลลัพธ์ที่สำคัญรวม ๒๖ ฉบับ
  • ในส่วนภารกิจของ รนรม./รมว.กต.จะเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ การประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ นอกจากนี้ คาดว่าจะมีพิธี
    ลงนามตราสารภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ (Treaty

of Amity and Cooperation in Southeast Asia-TAC)  ของรัฐมนตรีต่างประเทศสเปนและยูเครน

 

๒. ผลการเยือนของ รมว.กต.ออสเตรเลีย (๑-๒ พ.ย. ๒๕๖๕)

  • นางสาวเพนนี หว่อง รมว.กต.ออสเตรเลีย เยือนไทยและได้พบหารือทวิภาคีกับ รนรม./รมว.กต. ถึงแนวทางกระชับความสัมพันธ์และเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และมิตรประเทศที่มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในภูมิภาคและอนุภูมิภาคมายาวนาน
  • ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ค.ศ. ๒๐๒๒ - ๒๐๒๕ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการลงนามในปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับออสเตรเลียระหว่าง นรม. ของทั้งสองประเทศ เมื่อวันที่ ๑๓ พ.ย. ๒๕๖๓ เพื่อยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยแผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าวเป็นแผนงานที่ทั้งสองประเทศจะร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง รวมถึงการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ และความมั่นคงทางไซเบอร์ ด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน รวมถึงการจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนความร่วมมือรายสาขาอื่น ๆ อาทิ พลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การท่องเที่ยววิถีใหม่ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-๑๙ และส่งเสริมการเจริญเติบโตของทั้งสองประเทศอย่างครอบคลุมและยั่งยืน
  • ทั้งสองฝ่ายยังได้แสดงความยินดีในโอกาสการครบรอบ ๗๐ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับออสเตรเลียในปีนี้ และหารือถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในกรอบอาเซียน ACMECS และอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ตลอดจนแลกเปลี่ยนความเห็นต่อพัฒนาการในโลกที่สำคัญและการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย
  • เมื่อวันที่ ๒ พ.ย. รมว.กต.ออสเตรเลีย ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับ นรม.และ พล.อ.ประวิตร
    วงษ์สุวรรณ รนรม. โดยมุ่งกระชับความร่วมมือด้านการปราบปรามค้ามนุษย์ และส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาคในทุกมิติ

 

๓. ไทยมอบความช่วยเหลือแก่ศรีลังกาเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ (๑ พ.ย. ๒๕๖๕)

  • รนรม./รมว.กต.เป็นประธานในพิธีมอบความช่วยเหลือแก่ศรีลังกาเพื่อบรรเทาวิกฤตเศรษฐกิจ โดยมี
    ออท.ศรีลังกา/ปทท.เป็นผู้รับมอบ โดยรัฐบาลไทยบริจาคเงินและสิ่งของมูลค่ารวม ๑๔ ล้านบาท และหน่วยงานเอกชนและองค์กรทางศาสนา ร่วมกันบริจาคเงินและสิ่งของมูลค่ารวมกว่า ๘ ล้านบาท
  • ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ ๓ ส.ค. ๒๕๖๕ กต.ได้มอบความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ศรีลังกา โดย กต.ร่วมกับหน่วยงานเอกชนและองค์กรทางศาสนา บริจาคเวชภัณฑ์ อาหาร และเงิน มูลค่ารวมกว่า
    ๖.๓ ล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่        ศรีลังกาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการบริจาคเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บาทในนามของรัฐสภา และการให้ความช่วยเหลือทางด้านเวชภัณฑ์และเงินบริจาคมูลค่า ๔ ล้านบาทโดยบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ ยังมีหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ศรีลังกาเพิ่มเติม

 

๔. รนรม./รมว.กต. เปิดกิจกรรม Plate to Planet Competition (๓๐ ต.ค. ๒๕๖๕)

  • รนรม./รมว.กต.ในฐานะผู้แทน นรม.เป็นประธานเปิดกิจกรรม Plate to Planet Competition กิจกรรมประกวดอาหารแห่งอนาคตของไทย พร้อมเปิดตัว ๒๑ ทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบ จากกว่า ๒,๐๐๐ ทีมที่เข้าประกวด ภายใต้โครงการ APEC Future Food for Sustainability ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
  • กิจกรรมนี้จัดขึ้นโดย รมต.ประจำสำนัก นรม.อนุชา นาคาศัย และกรมประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของเยาวชนไทยในการนำเสนอเมนูอาหารแห่งอนาคต ผ่านการประกวดฝีมือการทำอาหารที่สอดคล้องกับแนวคิด BCG ที่ขับเคลื่อนโดยไทยในฐานะเจ้าภาพเอเปค ๒๕๖๕ รวมถึงนำจุดเด่นด้านความมั่นคงอาหารของไทยมาแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ทั้งนี้ ผู้ที่ชนะเลิศจะมีโอกาสนำเสนออาหารบางเมนูให้แก่ผู้เข้าร่วมการประชุมและสื่อมวลชนได้รับประทานในระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในกลางเดือนนี้
  • รนรม./รมว.กต.ย้ำถึงบทบาทที่โดดเด่นของไทยในการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พร้อมทั้งสนับสนุน
    ผู้เข้ารอบที่นำเสนอเมนูอาหารแห่งอนาคต นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมบูธอาหารของผู้เข้ารอบการประกวดและร่วมชิม ๒๑ เมนูแห่งอนาคต

 

๕. กต.เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ในโอกาสฉลองครบรอบ ๕๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-บังกลาเทศ (๒๙ ต.ค. ๖๕)

  • นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ รป.กต.เป็น ปธ.ในพิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จ
    พระเจ้าอยู่หัวไปทอดถวาย ณ วัดบินาชุรีศมศานวิหาร เมืองจิตตะกอง บังกลาเทศ โดยมีพระสังฆราชญาณศรี มหาสถาวีร์ พระสังฆราชแห่งบังกลาเทศและเจ้าอาวาส วัดบินาชุรีศมศานวิหารเป็นประธานฝ่ายคณะสงฆ์ และมี ออท. ณ กรุงธากา ข้าราชการ สอท. ณ กรุงธากา พร้อมคู่สมรส นายอาร์มี ฮุมายุน มะห์มูด โชว์ดูรี กงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองจิตตะกอง ผู้แทนองค์กรบริหารท้องถิ่น ตลอดจนพุทธศาสนิกชนชาวบังกลาเทศกว่า ๕๐๐ คน เข้าร่วมพิธี
  • กต.เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายในต่างประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ อันเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานด้านการทูตเชิงวัฒนธรรม โดยการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายในครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๔ ในบังกลาเทศ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับบังกลาเทศ โดยวัดบินาชุรีศมศานวิหารเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในภาคจิตตะกอง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๓ นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันทางสังคมและการศึกษา ได้แก่ วิทยาลัย และสถานเด็กกำพร้า
  • การเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ ผู้เข้าร่วมพิธีต่างปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และเป็นโอกาสในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน อันแสดงให้เห็นถึงความเป็น
    น้ำหนึ่งใจเดียวกันของทั้งสองประเทศที่มีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีศรัทธาร่วมกันในพระบวรพุทธศาสนา ทั้งนี้ สามารถรวบรวมเงินบริจาค ซึ่งประกอบด้วยเงินพระราชทานบำรุงพระอารามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เงินโดยเสด็จพระราชกุศลจาก กต. สอท. ณ กรุงธากา และเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ ๓๙๒,๐๙๐ บาท (๑,๐๓๑,๕๗๐ ตากา)
  • ภายหลังพิธีการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน รอง กต. เป็นประธานมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าบินาชุรี ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดบินาชุรีศมศานวิหาร เพื่อช่วยเหลือเด็กยากจน ซึ่งในปัจจุบันมีเด็กในความอุปการะจำนวนกว่า ๓๐ คน

 

๖. สนง.ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ยินดีที่ไทยประกาศใช้ พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย

  • OHCHR ยินดีที่ประเทศไทยประกาศใช้ พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ๒๕๖๕
  • การประกาศใช้กฎหมายนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการปราบปรามการทรมาน การทารุณกรรม และการกระทำให้บุคคลสูญหายในประเทศไทย ซึ่งมีบทบัญญัติในการเอาผิดผู้กระทำความผิดตามกฎหมายอาญา และมีเนื้อหาครอบคลุมหลักการที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิในการที่จะไม่ถูกทรมานเป็นสิทธิมนุษยชนที่ ไม่อาจระงับชั่วคราวได้ (non-derogation) และหลักการไม่ส่งใครกลับไปเผชิญอันตราย (non-refoulement) ซึ่งป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ขับไล่ เนรเทศ หรือส่งบุคคลใดไปยังอีกประเทศหนึ่งที่เขาอาจเผชิญความเสี่ยงต่อการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (cruel, inhuman or degrading treatment) หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย
  • พรบ.ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด ๑๒๐ วันนับแต่การประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา
    เมื่อวันที่ ๒๕ ต.ค. ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา

 

๗. ความคืบหน้ากรณีคนไทยเสียชีวิตในเหตุการณ์ที่อิแทวอน เกาหลีใต้

  • สถานะล่าสุด ณ วันที่ ๒ พ.ย. ๒๕๖๕ ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต ๑๕๖ คนและได้รับบาดเจ็บ ๓๐ คน
  • เมื่อวันที่ ๑ พ.ย. ๒๕๖๕ สอท. ณ กรุงโซล ได้มีหนังสือไปยัง กต.เกาหลีใต้ เพื่อนำส่งพระราชสาส์นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปยัง ปธน.เกาหลีใต้เพื่อแสดงความเสียพระราชหฤทัยในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมดังกล่าว และก่อนหน้านี้ สอท.ได้มีหนังสือนำส่งสารแสดงความเสียใจจาก นรม.ไปยัง ปธน.เกาหลีใต้ รวมทั้งสารแสดงความเสียใจจาก รนรม./รมว.กต. ไปยัง รมว.กต.เกาหลีใต้
  • สอท.ได้รับแจ้งจาก กต.เกาหลีใต้ว่า ทางการเกาหลีใต้จะให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการส่งศพผู้เสียชีวิตชาวไทย ๑ คน กลับประเทศไทย ในชั้นนี้ ยังไม่ได้รับแจ้งว่า มีคนไทยได้รับบาดเจ็บ หรือสูญหายภายหลังเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าวเพิ่มเติม
  • สอท.ได้ออกประกาศแนะนำให้คนไทยในเกาหลีใต้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปท่องเที่ยวในงานเฉลิมฉลองที่อาจจะมีความหนาแน่นในช่วงนี้
  • สามารถติดต่อ/สอบถาม/ตรวจสอบเกี่ยวกับคนสูญหายได้ที่ช่องทางของทางการเกาหลีใต้ (เบอร์โทรศัพท์ ๐๒ ๒๑๙๙ ๘๖๖๐) โดยหากคนไทยท่านใดต้องการความช่วยเหลือจาก สอท. สามารถติดต่อมายังเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน ๐๑๐-๖๗๔๗-๐๐๙๕ / ๐๑๐-๓๐๙๙-๒๙๕๕

 

๘. การให้ความช่วยเหลือแรงงานเก็บผลไม้ป่าที่เดินทางไปทำงานในประเทศฟินแลนด์ (๔ - ๑๐ ต.ค. ๒๕๖๕)

  • กต. โดยกรมการกงสุล ร่วมกับ สอท. ณ กรุงเฮลซิงกิ ให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยจำนวน ๕๙ คน
    ที่เดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์อย่างถูกกฎหมายแต่ถูกบังคับใช้แรงงาน ให้เดินทางกลับไทย พร้อมอำนวยความสะดวกแรงงานไทยที่ถูกบังคับใช้แรงงานในการดำเนินการทางกฎหมายต่อนายจ้าง ตลอดจนให้คำปรึกษาและติดตามสถานะการรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
  • เมื่อถึงไทยแล้ว หน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้อง อาทิ พม. กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ สตช. และ รง. ได้เข้าคัดกรองแรงงานไทยกลุ่มดังกล่าวตามกระบวนการคุ้มครองผู้เสียหายตามกลไกส่งต่อระดับชาติ และให้ความช่วยเหลือในการเดินทางกลับภูมิลำเนา
  • สอท.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฟินแลนด์ได้ดำเนินการตรวจสอบและติดตามประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแรงงานไทย และสนับสนุนแรงงานไทยที่ยังพำนักในฟินแลนด์ในประเด็นด้านข้อกฎหมายและการติดตามสถานะการรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ พร้อมทั้งได้หยิบยกเรื่องแรงงานเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์ขึ้นหารือในระดับนโยบายของทั้งไทยและฟินแลนด์ เพื่อหากลไกและแนวปฏิบัติทางกฎหมายเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์อย่างยั่งยืน
  • กต. โดยกรมการกงสุล ได้ประกาศคำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่าในฟินแลนด์ให้รับทราบสภาพการทำงาน รายได้ที่อาจไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับจำนวนผลไม้ป่า เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายก่อนการเดินทางที่ค่อนข้างสูง
  • ผู้ที่สนใจเดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่าสามารถติดต่อสอบถามและขอคำปรึกษาได้ที่กรมการจัดหางาน สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกแห่ง หรือทางสายด่วน รง. เบอร์ ๑๕๐๖ กด ๒ ส่วนผู้ที่พำนักใน ตปท. สามารถขอคำปรึกษาได้ที่ สอท.และ สกญ.ไทยในต่างประเทศทุกแห่ง หรือสายด่วนกรมการกงสุล เบอร์ ๐๒ ๕๗๒ ๘๔๔๒ ได้ตลอด ๒๔ ชม.

 

๙. สอท. ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน แจ้งเตือนคนไทยที่พำนักในบรูไนฯ เกินกำหนด

  • สอท. ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน ประกาศเตือนคนไทยในประเทศบรูไนฯ ว่า การพำนักอยู่ในบรูไนฯ เกินกำหนด ถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายคนเข้าเมืองบรูไนฯ และมีบทลงโทษ
    • หากพำนักเกินกำหนดไม่เกิน ๙๐ วัน จะถูกปรับอย่างต่ำ ๖๐๐ ดอลลาร์บรูไน (ประมาณ ๑๕,๙๐๐ บาท) ตามเจตนาของการกระทำความผิด
    • หากพำนักเกินกำหนดตั้งแต่ ๙๐ วันขึ้นไป จะถูกดำเนินคดีในชั้นศาล มีโทษจำคุกอย่างต่ำ
      ๓ เดือน สูงสุด ๒ ปี และโบย ๓ ครั้งติดต่อกัน
  • ขอให้คนไทยปฏิบัติตามกฎหมายการเข้าเมืองและการพำนักอยู่ในประเทศอย่างเคร่งครัด และตรวจสอบเอกสารการพำนักอยู่ในประเทศรวมถึงหนังสือเดินทางไม่ให้หมดอายุ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของบรูไนฯ

 

๑๐. กรมการกงสุลขยายพื้นที่ให้บริการ e-Visa เพิ่ม ๙ แห่ง (๑ พ.ย. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป)

  • กรมการกงสุลเปิดให้บริการระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) เพิ่มอีก ๙ แห่ง ณ สอท./สกญ.ของไทยใน ตปท. ได้แก่ สอท. ณ กรุงปราก กรุงลิสบอน กรุงโรม กรุงบูดาเปสต์ กรุงบูคาเรสต์ กรุงเอเธนส์ กรุงมาดริด กรุงวอร์ซอ และ สกญ. ณ เมืองฮ่องกง ทำให้ปัจจุบัน ระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ได้เปิดให้บริการใน สอท./สกญ.ของไทยในต่างประเทศแล้ว ๓๘ แห่ง
  • กรมการกงสุลเปิดใช้งานระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ก.พ. ๒๕๖๒ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ให้สามารถขอวีซ่าออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว สามารถยื่นคำร้องได้ทุกที่ทุกเวลา ประกอบด้วย ๓ ขั้นตอน คือ (๑) ลงทะเบียนด้วยการกรอกแบบฟอร์มผ่านเว็บไซต์ www.thaievisa.go.th และอัพโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง (๒) ชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบ e-Payment และ (๓) เมื่อเจ้าหน้าที่อนุมัติคำขอรับการตรวจลงตราแล้ว จะมีอีเมล์ส่งไปหาผู้ร้อง โดยผู้ร้องสามารถพิมพ์อีเมล์ยืนยันดังกล่าวเพื่อนำไปแสดงที่สายการบิน และด่านตรวจคนเข้าเมือง
  • สามารถสมัคร e-Visa ได้ทาง www.thaievisa.go.th หรือ QR Code บนภาพประกอบ

 

๑๑. รายการบันทึกสถานการณ์ และ MFA Update

  • วันพฤหัสบดีที่ ๓ พ.ย. ๒๕๖๕ เวลา ๐๘.๓๐ - ๐๘.๔๕ น. รายการ “บันทึกสถานการณ์” ทาง FM 92.5 (ภาษาไทย) ได้สัมภาษณ์นางสาวศิรินธรา อัตถากร นักการทูตชำนาญการพิเศษ กองประมวลและวิเคราะห์ข่าว กรมสารนิเทศ ในหัวข้อ “บทบาทของพันธมิตรด้านการประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพจัดประชุม APEC 2022” สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง youtube “MFA Thailand Channel”     
  • วันศุกร์ที่ ๔ พ.ย. ๒๕๖๕ เวลา ๐๘.๐๕ - ๐๘.๒๐ น. รายการ “MFA Update” FM 88.0 (ภาษาอังกฤษ) จะสัมภาษณ์นางณัฐนันท์ รจนกร ผอ.การสำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กรมประชาสัมพันธ์  ในหัวข้อ “APEC Future Food for Sustainability” สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง youtube “MFA Thailand Channel”  

 

๑๒. รายการเวทีความคิด

  • วันพฤหัสบดีที่ ๓ พ.ย. ๒๕๖๕ เวลา ๒๐.๓๐ - ๒๐.๕๘ น. รายการ “เวทีความคิด” จะสัมภาษณ์นางทัศนีย์ ผลชานิโก รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในหัวข้อ “ไทยในเวทีโลก ปี ๒๕๖๕: อาหารแห่งอนาคตในนิทรรศการ APEC Future Food for Sustainability” สามารถรับฟังได้ทาง FM 96.5 หรือรับฟังย้อนหลังทาง youtube “MFA Thailand Channel”     

 

ช่วงถาม-ตอบ

  • คำถาม: ทางการไทยมีการเตรียมการต้อนรับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ที่จะเดินทางเยือนไทยในฐานะแขกรับเชิญพิเศษในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไร จะมีการแถลงข่าวหรือไม่
  • คำตอบ: ฝ่ายไทยได้มีการเตรียมพร้อมในทุกด้านเพื่อให้การต้อนรับมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียอย่างสมพระเกียรติ โดยในขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการเตรียมการอยู่ในทุกระดับ สำหรับกำหนดการแถลงข่าว ทาง กต.จะขอตรวจสอบแล้วว่าไม่มีการแถลงข่าว และจะตอบทาง Facebook ต่อไป

 

* * * * *

รับชมแถลงข่าวย้อนหลัง: https://www.facebook.com/ThaiMFA/videos/528973085711003
คลิปแถลงข่าว: ช่อง Youtube “MFA ThailandChannel”: https://www.youtube.com/user/mfathailand


กองการสื่อมวลชน
กรมสารนิเทศ