ร่างคำแปลอย่างไม่เป็นทางการ ถ้อยแถลงร่วมในโอกาสมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

ร่างคำแปลอย่างไม่เป็นทางการ ถ้อยแถลงร่วมในโอกาสมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

วันที่นำเข้าข้อมูล 19 พ.ย. 2565

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565

| 10,438 view

ร่างคำแปลอย่างไม่เป็นทางการ

ถ้อยแถลงร่วม
ในโอกาสมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

 

๑. เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน  ๒๕๖๕ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองประเทศและผลประโยชน์ระหว่างกัน นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลเชิญมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ในฐานะแขกพิเศษของประธาน โดยคำนึงว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในเวทีระหว่างประเทศและประเทศไทยเชื่อมั่นว่า ซาอุดีอาระเบียจะมีบทบาทสร้างสรรค์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

 

๒. เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักร ซาอุดีอาระเบีย เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ซึ่งการเข้าเฝ้าฯ ในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ โดยเป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างพระบรมวงศานุวงศ์ของทั้งสองประเทศภายหลังการปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้เป็นปกติอย่างสมบูรณ์ เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๖๕

 

๓. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับเสด็จมกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และเข้าร่วมการหารือเต็มคณะที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทั้งสองฝ่ายย้ำความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีและพหุภาคีในทุก ๆ มิติ

 

๔.  ผู้นำทั้งสองฝ่ายยินดีกับการลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจทวิภาคี ซึ่งสะท้อนถึงความความร่วมมือและความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งในระดับรัฐบาลและระหว่างประชาชนกับประชาชน ดังนี้

   ๑) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งสภาความร่วมมือซาอุดี - ไทย

   ๒) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

   ๓) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียกับกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทย

   ๔) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

   ๕) บันทึกความเข้าใจระหว่างองค์กรกำกับดูแลและต่อต้านการทุจริต ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

 

๕. ในด้านการเมือง กลาโหมและความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับโอกาสที่จะส่งเสริมความร่วมมือทั้งในด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติในทุกรูปแบบ อาทิ การต่อต้านการก่อการร้ายและการต่อต้านลัทธิหัวรุนแรงและลัทธิสุดโต่ง การส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ และความร่วมมือด้านการข่าว นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายแสดงความพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านกงสุลเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

 

๖. ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมบทบาทและความร่วมมือระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศในการสนับสนุนความพยายามของประชาคมระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลก โดยทั้งสองฝ่ายย้ำความสำคัญของการเข้าถึงตลาดของกันและกัน รวมถึงการส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชน การเพิ่มโอกาสด้านการลงทุน การขยายตลาดการค้า และการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างคณะนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนของทั้งสองประเทศในภาคธุรกิจที่มีศักยภาพ อาทิ อุปกรณ์ก่อสร้าง ปิโตรเคมี ผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค เศรษฐกิจดิจิทัล การคมนาคมขนส่ง อุตสาหกรรม เหมืองแร่ ยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมการผลิต เกษตรกรรม สินค้าราคาสูง และธุรกิจบริการ รวมทั้ง การส่งเสริมความร่วมมือด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม
และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

๗. ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับแนวทางที่จะส่งเสริมให้ซาอุดีอาระเบียเข้ามาลงทุนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และการส่งเสริมให้ไทยเข้าไปลงทุนในโครงการ NEOM ในซาอุดีอาระเบีย บนพื้นฐานของความสอดคล้องกันระหว่างโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (บีซีจี) ของไทยกับวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. ๒๐๓๐ ทั้งนี้ ไทยพร้อมที่จะสนับสนุนข้อริเริ่มซาอุดีอาระเบียสีเขียว และตะวันออกกลางสีเขียวของซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือกับกองทุนเพื่อการลงทุนของซาอุดีอาระเบียต่อไปในอนาคต

 

๘. ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือในด้านพลังงาน อาทิ การซื้อขายน้ำมัน อนุพันธ์ของปิโตรเลียม ปิโตรเคมี เทคโนโลยีพลังงานสะอาดจากแหล่งไฮโดรคาร์บอน เชื้อเพลิงชีวภาพ และพลังงาน หมุนเวียน นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความร่วมมือและดำเนินโครงการร่วมเพื่อพัฒนานวัตกรรมการนำไฮโดรคาร์บอนไปใช้ในลักษณะต่าง ๆ และศึกษาความเป็นไปได้ของความร่วมมือด้านพลังงานในมิติอื่น ๆ 

 

๙. ในด้านความร่วมมือด้านสังคมและการศึกษา ทั้งสองฝ่ายย้ำความสำคัญในการเสริมสร้างและเพิ่มพูน การสื่อสารระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ฝ่ายซาอุดีอาระเบียชื่นชมและแสดงความขอบคุณที่รัฐบาลไทย ยกเว้นการตรวจลงตราชาวซาอุดีอาระเบียที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยวได้ไม่เกิน ๓๐ วัน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายแสดงความมุ่งมั่นที่จะอำนวยความสะดวกสำหรับการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับ ฝ่ายไทยขอบคุณที่ฝ่ายซาอุดีอาระเบียจะพิจารณาอำนวยความสะดวกในเรื่องการตรวจลงตราสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยไปยังซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งเสริมการค้าขาย การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ

 

๑๐. ทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกันถึงความสำคัญของการยกระดับความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ การวิจัย และการศึกษาระหว่างสองราชอาณาจักร ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการส่งเสริมความร่วมมือโดยตรงระหว่างมหาวิทยาลัย สถาบันวิทยาศาสตร์และสถาบันการศึกษา นอกจากนั้นยังย้ำความสำคัญของการศึกษาในช่วงเวลาวิกฤต และการส่งเสริมให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและทั่วถึง

 

๑๑. ทั้งสองฝ่ายย้ำความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความริเริ่มด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เพื่อรับมือกับโรคระบาดในปัจจุบัน และเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโรคอุบัติใหม่ นอกจากนั้นทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะร่วมมือและดำเนินงานร่วมกันหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา ๒๐๑๙

 

๑๒. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือด้านวิทยุ โทรทัศน์ สำนักข่าว และสื่อสารมวลชน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนของทั้งสองฝ่าย เพื่อการพัฒนาด้านการสื่อ

 

๑๓. ทั้งสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการส่งเสริมความร่วมมือในด้านกีฬาประเภทต่าง ๆ 

 

๑๔. ทั้งสองฝ่ายย้ำความสำคัญของความพยายามร่วมกันในการต่อสู้กับลัทธิสุดโต่ง และส่งเสริมความเข้าใจ ขันติธรรม สันติภาพ และความมั่นคง

 

๑๕. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลของผู้อารักขามัสยิดศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง รวมถึงมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้แสวงบุญชาวไทย และชื่นชมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างทั้งสองฝ่าย

 

๑๖. ในด้านกิจการระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและมุมมองเกี่ยวกับพัฒนาการในภูมิภาคของตน อาทิ สถานการณ์ในเยเมน อิหร่าน และอัฟกานิสถาน ทั้งสองฝ่ายย้ำความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศและความร่วมมือพหุภาคี ทั้งสองฝ่ายย้ำความตั้งใจที่จะสนับสนุน ซึ่งกันและกันในด้านที่มีความสนใจร่วมกัน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายย้ำความมุ่งมั่นในการรักษาและเพิ่มพูนความร่วมมือในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายย้ำความสำคัญของทุกประเทศในการปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ หลักความชอบธรรมระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ หลักการเพื่อนบ้านที่ดี การเคารพเอกภาพและอำนาจอธิปไตยของรัฐ การไม่แทรกแซงกิจการภายใน และดำเนินการแก้ไขปัญหาความแตกต่างด้วยสันติวิธี ฝ่ายไทยชื่นชมความพยายามด้านมนุษยธรรม อย่างแข็งขันของราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียในการส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคตะวันออกกลาง และแสดงความขอบคุณราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียสำหรับการสนับสนุนประเทศไทยในกรอบองค์การความร่วมมืออิสลาม

๑๗. เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทรงขอบใจประเทศไทยที่สนับสนุนซาอุดีอาระเบียในการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2030 ณ กรุงริยาด และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแสดงความขอบคุณที่ซาอุดีอาระเบียจะพิจารณาสนับสนุนประเทศไทยในการสมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket, Thailand

๑๘. ในช่วงท้ายของการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทย เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทรงขอบใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สำหรับการรับเสด็จและถวายการต้อนรับพระองค์และคณะผู้ติดตามอย่างอบอุ่นและอย่างดียิ่ง นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยได้ถวายพระพรชัยมงคลแด่มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียให้ทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ และขออวยพรให้ให้ประชาชนชาวซาอุดีอาระเบียมีความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง

 

*********